ถ้าคุณเป็นเกมเมอร์ คุณต้องรู้จักชื่อทีม Naughty Dog เป็นอย่างดี และหากคุณเล่นเกมมานานสักหน่อย คุณก็น่าจะเคยเล่นเกมเหล่านี้ เช่น Crash Bandicoot , Jak and Daxter , Uncharted และล่าสุด The Last of Us ในความเป็นจริงยังมีเกมอื่นๆอีกมาก นับตั้งแต่ก่อตั้งทีม Naughty Dog เมื่อปี 1989 รวมแล้วกดูแลเกมมากถึง 19 เกม (ชื่อเดิมคือทีม Jam Software ใช้ชื่อนี้ช่วงสั้นๆในปี 1985 - 1988) ต่อมาในปี 2001 ทีม Naughty Dog ได้เข้ามาอยู่ในสังกัดของ sony พร้อมกับเกมแรกนั่นก็คือ Jak and Daxter: The Precursor Legacy ถ้าพูดถึงแฟรนไชน์ Jak and Daxter ก็นับว่านานถึง 12 ปีมาแล้ว (ปี 2001 - 2013) ที่ทีม Naughty Dog เข้ามาดูแลโดยลงให้กับเครื่อง PS2 ในภาคหลัก 3 ภาค ได้แก่ Jak and Daxter: The Precursor Legacy (ปี 2001) , Jak II (ปี 2003) , Jak 3 (ปี 2004) และภาคย่อยอีก 1 ภาคคือ Jak X: Combat Racing (ปี 2005) ส่วนภาค Daxter (ปี 2006) เป็นทีม Ready at Dawn ดูแล และภาค Jak and Daxter: The Lost Frontier (ปี 2009) เป็นทีม High Impact Games ดูแลเพราะช่วงเวลานั้นทีม Naughty Dog อยู่ระหว่างดูแลเกมของ PS3 คือ Uncharted: Drake's Fortune (ปี 2007) และ Uncharted 2: Among Thieves (ปี 2009) นั่นเอง Jak and Daxter Collection เวอร์ชั่น PS Vita วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2013 ตัวเกมมีการปรับปรุงจากต้นฉบับเดิมโดย Remastered ภาพเป็นแบบ HD มีการเพิ่มระบบ trophy และขายในราคาถูกกว่าเกม PS Vita ทั่วไป (ราคาในไทยประมาณ 1000 บาท) ในแผ่นสามารถเลือกเล่นเกมเต็มได้ 3 ภาคหลักนั่นคือ Jak and Daxter: The Precursor Legacy , Jak II และ Jak 3 อย่างไรก็ตามเอกลักษณ์เดิมๆสำหรับแผ่นโซน 1 (โซน us) ที่มักจะไม่มีอะไรแถมมาในกล่องเกมเลย ในเกม Jak and Daxter Collection แผ่นนี้ก็ยังเป็นกล่องเปล่าไร้คู่มือเช่นเดิม ถ้าเทียบกับราคาแล้วได้เกมคุณภาพแบบนี้ ผมคิดว่าคุ้มดีนะครับ (เฉลี่ยแล้วเกมหนึ่งราคาไม่ถึง 340 บาท) Jak and Daxter: The Precursor Legacy เคยขายได้มากถึง 4.2 ล้านแผ่นเลยทีเดียว เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยบนเกาะ Misty Island โดยสองคู่หู Jak และ Daxter ต้องออกเดินทางเพื่อหาทางกำจัด Samos ระบบเกมเป็นแนว Action 3D (Platform) คล้ายเกม Super Mario 64 และ Rayman 3D ผู้เล่นสามารถปรับมุมกล้องได้ มีฉากที่กว้างใหญ่ เน้นการกระโดดและหาทางไปต่อ รวมถึงมีคัทซีนอนิเมชั่นให้ดูเป็นระยะโดยมีตัวโจ๊กอย่าง Daxter มาคอยทำตลกสไตล์การ์ตูนอเมริกัน Jak II มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากภาคแรกค่อนข้างมาก บางช่วงสามารถใช้อาวุธได้อย่างแนวเกม Third-person Shooter แต่ก็ยังคง Action 3D (Platform) อยู่ เนื้อเรื่องหลังจากภาคแรก 100 ปีในเมือง Haven City ตัวเกมเพลย์ใกล้เคียงเกมยุคปัจจุบันมาก ไม่เน้นการกระโดดและหาทางไปต่ออีกแล้ว แต่เน้นเนื้อเรื่องและระบบเกมใหม่ๆลงไป อีกทั้งตัวเอกสามารถเปลี่ยนเป็นร่าง Dark Jak ได้ ในภาคนี้ IGN และ GameSpot แนะนำให้เกมเมอร์ควรเล่นด้วยนะครับ (ปี 2003) Jak 3 ออกแบบไตเติ้ลเกมได้เจ๋งมาก เพราะมีคัทซีนยาวๆนำเรื่องมาให้ดูก่อนที่จะให้กดปุ่ม start (เกมทั่วไปมักจะให้เข้าเมนูเกมก่อน จึงค่อยเกริ่นเนื้อเรื่อง) ซึ่งตัวเอกอย่าง Jak ถูกจับมาทิ้งไว้ที่ทะเลทราย Wasteland สิ่งที่เห็นในภาคนี้ก็คือมิชชั่นย่อยที่ใส่มินิเกมลงไปหลากหลาย ซึ่งแนวทางแบบนี้ก็ยังเห็นกันบ่อยๆในเกมยุคปัจจุบัน ตัวเกมเริ่มเป็นตัวของตัวเองโดยนำระบบภาค Jak II มาทำให้ลงตัวยิ่งขึ้น มีเพิ่มในส่วน driving เข้ามา มียานพาหนะให้ใช้หลากหลาย ถ้าพูดถึงคะแนนรีวิว IGN ก็ให้คะแนนมากถึง 9.6 / 10 ซึ่งมากที่สุดในบรรดา 3 ภาค (Jak 1 คะแนน 9.4 , Jak 2 คะแนน 9.5) ภาคนี้ถูกจัดอยู่ใน the Greatest Hits collection (ปี 2005) ด้วยนะครับ หนังสือ Guinness World Records เมื่อปี 2008 เคยบันทึกไว้ว่า First Seamless 3D World in a Console Game (ครั้งแรกในเกมกับโลก 3 มิติจริงๆ) , Most Successful Single Format Platform Series (ประสบความสำเร็จที่สุด) และ Largest Number of Cutscenes in a Platform Game (มีฉากคัทซีนเยอะที่สุดโดยภาคสองมี 131 คัทซีน ส่วนภาคสามมี 213 คัทซีน) บางทีพวกเราอาจจะได้เล่น Jak 4 บนเครื่อง PS4 ในปี 2015 ก็เป็นได้ รีวิวโดย limp2551