Lego City Undercover: The Chase Begins มีตัวเอกที่คราวนี้ไม่ใช่ฮีโร่จากภาพยนตร์ แต่เป็นตำรวจหนุ่มมือใหม่ที่ชื่อว่า Chase McCain ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แห่งเมือง LEGO City รูปแบบเกมเพลย์เป็นแนว open-world รับภารกิจย่อยแล้วดำเนินเรื่องไปอย่างอิสระ แม้จะคาดเดาเนื้อเรื่องไม่ได้ (เพราะไม่ได้นำบทภาพยนตร์มาดัดแปลง) แต่ความเป็น LEGO ก็ยังมีอยู่ เช่น การเก็บชิ้นส่วนตัวต่อ การแก้ปริศนา และมุกตลกแบบเลโก้ ถ้าเคยเล่น Lego City: Undercover (wii u) มาแล้ว เวอร์ชั่นใน 3ds จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านั้น (ทั้งสองเวอร์ชั่นเป็นคนละเกมกันนะครับ) Lego City Undercover: The Chase Begins เป็นเลโก้ยุคใหม่ที่ตัวละครแต่ละตัวสามารถพูดได้ มุมกล้องขณะเล่นสามารถปรับได้ด้วยปุ่ม L และ R มีฉากคัทซีนสั้นๆให้ดูเป็นระยะ แม้เกมเพลย์จะดูคล้ายกับเกมต้องห้ามอย่าง GTA แต่เมื่อมาอยู่ในโลกของเลโก้ ผู้ปกครองก็สามารถสบายใจได้ว่าปลอดภัยสำหรับเด็กแน่นอน ภารกิจที่ตัวเอก Chase McCain ทำล้วนเป็นการช่วยเหลือชาวบ้าน ยานพาหนะที่ขับขี่ไม่มีพิษมีภัย ทะเลาะวิวาทกับผู้คนในเมืองไม่ได้ ไม่มีเลือดและคำหยาบคายภายในเกม เรียกได้ว่าเมือง LEGO City แห่งนี้เป็นเมืองที่สงบสุขจริงๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละภารกิจทำเอาผมนึกถึงโลกในการ์ตูน Bob the Builder หรือ Fireman Sam ขึ้นมาเลย ดูเหมือนว่า Lego City Undercover: The Chase Begins จะฉีกรูปแบบเกมเพลย์ออกไปจากแฟรนไชน์ดั้งเดิมค่อนข้างมาก นอกจากจะไม่มีฐานลูกค้าจากภาพยนตร์ชื่อดังแล้ว ตัวเกมก็เป็นเอ็กคลูซีฟของ 3ds เท่านั้น (ปกติแฟรนไชน์นี้มักจะลงมัลติแพล็ตฟอร์ม) ทำให้ตลาดในเมืองไทยหาคนเล่นเกมนี้ได้น้อยเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ ระบบเกมเพลย์ทำมาไม่สมบูรณ์ ผลก็คือ ตัวเกมโหลดบ่อย เฟรมเรทมีปัญหาอยู่บ่อยครั้งขณะเล่น และตลอดทั้งเกมมีเสียงพากย์ให้ได้ยินน้อยมาก ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ไม่มีจุดให้น่าติดตาม พล็อตเรื่องสำหรับเด็กที่ราบเรียบไม่หักมุม สำหรับคนที่เคยเล่น Lego City: Undercover (wii u) มาแล้ว หากมาเล่นเวอร์ชั่น 3ds ก็คงรู้สึกผิดหวังไม่น้อย (ย้ำอีกทีว่าเป็นคนละเกม) โดยเฉพาะคุณภาพกราฟฟิคและเกมเพลย์ที่ควรจะไหลลื่นกว่านี้ (อาจจะเพราะข้อจำกัดของเครื่อง 3ds ด้วยล่ะครับ) ส่วนใครที่เคยตามข่าวเกม Lego City Stories ในงาน E3 2011 ก็ต้องบอกว่ามันคือเกมเดียวกันนั่นเอง สรุป Lego City Undercover: The Chase Begins เป็นเกมที่ “น่าลอง” เพราะเป็นครั้งแรกของแฟรนไชน์เลโก้ที่เป็นแนว open-world เต็มรูปแบบ แต่ถ้าถามว่า “น่าเล่น” หรือไม่ เมื่อช่างน้ำหนักดูข้อเสียแล้ว ก็คงแนะนำให้เล่นเลโก้ภาคอื่นน่าจะเข้าท่ากว่านะครับ รีวิวโดย limp2551