เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้สั่งซื้อกล่อง iptv มาใช้งานในการดูรายการทีวี ซึ่งกล่อง iptv นั้นการใช้งานนั้นไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เสียบสายสัญญาณ av หรือ hdmi จากกล่อง iptv เข้าสู่โทรทัศน์,เสียบหม้อแปลง และเชื่อมต่อสัญญาณกับอินเตอร์เน็ต ซึ่งใช้ได้ทั้งต่อแบบสาย lan หรือต่อผ่าน wifi ก็จะรับชมรายการโทรทัศน์ได้ทันที ซึ่งสามารถพกพากล่องไปใช้งานที่ไหนก็ได้ที่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต แล้วต่อเปิดเข้ากับโทรทัศน์ก็จะใช้งานได้ สำหรับกล่อง iptv ที่มีขายนั้น จะมีอยู่ 2 ระบบ คือ ระบบ Linux และแบบระบบ Android ซึ่งแบบระบบ Android จะใช้งานได้หลากหลายกว่า นอกจากใช้งานดูรายการโทรทัศน์ เช่นใช้งาน web browser ในการท่องเว็บต่างๆ,สามารถพิมพ์ภาษาไทยได้,มี App ให้ใช้งานมากมายเหมือนระบบโทรศัพท์ Android และสามารถโหลด App มาลงเพิ่มเติมได้อีกด้วย และจะมีช่องรายการโทรทัศน์มากกว่าระบบ Linux อยู่ค่อนข้างเยอะ ในเรื่องช่องรายการโทรทัศน์ของกล่อง Iptv ทั้งระบบ Linux และ Androidส่วนใหญ่ช่องรายการก็จะมีทั้งฟรีทีวี และช่องของระบบเคเบิ้ล ซึ่งช่องเคเบิ้ลก็จะมีแตกต่างกันบ้าง แล้วแต่ว่ากล่องของยี่ห้อนั้น ใช้กับเซิร์ฟเวอร์ไหน สำหรับกล่อง iptv ที่ได้ซื้อมาใช้งานนั้น ก็เป็นแบบระบบ linux ซึ่งเหตุที่เลือกระบบนี้ ก็เพราะว่าใช้งานง่าย,เห็นว่ากล่องอันนี้ระบบจะนิ่งกว่า,ภาพชัด,ภาพยนตร์ในโหมด VIDEO ON DEMAND(VOD)จะอัพมาลงใหม่ๆเสมอ เลยตัดสินใจเลือกกล่องระบบ Linux ส่วนด้านการใช้งานอื่นๆนอกเหนือจากใช้ดูทีวี เช่นใช้ท่องเว็บต่างๆ,App ต่างๆของ Android คิดว่าจะซื้อ smart tv มาใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งจะใช้งานในส่วนนี้ได้เหมือนกัน เลยเลือก Linux เมื่อแกะกล่อง ของข้างในจะมีดังนี้ เครื่อง iptv linux hd-100 ,เสาสำหรับรับสัญญาณ wifi ,รีโมทเครื่อง hd-100 (ไม่แถมถ่าน AAA),สายแลน,หม้อแปลง และสาย hdmi ![]() ภาพช่องต่อต่างๆของเครื่อง hd-100(จากซ้ายไปขวา) ช่องเสียบสายหม้อแปลง,ช่องเสียบสาย av,ช่องเสียบสาย hdmi ,ช่องต่อสาย optical ,ช่องเสียบสายแลน และข้างๆเครื่องจะมีช่องเสียบเสารับสัญญาณ wifi ![]() ขนาดเครื่องจะเล็กประมาณฝ่ามือ ![]() เมื่อเปิดเครื่องมา ก็จะขึ้นหน้าจอหลัก มีแสดงวัน,เวลา ,สภาพอากาศที่ขวาของหน้าจอ ส่วนเมนูใช้งานต่างๆจะมีดังนี้ -TV สำหรับชมช่องรายการต่างๆทั้งฟรีทีวี และเคเบิ้ล สำหรับรายการรับชมทีวีจะสามารถอัดบันทึกรายการได้ต่อเนื่องสูงสุด 5 ชม.โดยต้องมี external harddisk มาต่อไว้ที่ช่อง usb ที่หน้าเครื่อง hd-100 -MOVIES สำหรับชมภาพยนตร์ที่ทางผู้ให้บริการอัพมาลงในเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะมีหลายร้อยเรื่อง จัดเป็นหมวดหมู่อย่างระเบียบ มีทั้งพากย์ไทย,soundtrack และแบบมีแต่เสียง soundtrack ไม่มีเสียงไทย,ซับไทย,อังกฤษ -SERIES สำหรับชมภาพยนตร์ซีรี่ย์ที่ทางผู้ให้บริการอัพมาลงในเซิร์ฟเวอร์ -SPEED TEST ไว้สำหรับเช็คสปีดอินเตอร์เน็ต (ใช้งานได้ไม่ดี วัดค่าได้ไม่ตรงจริง) -APPLICATION จะมี APP อยู่ในเครื่อง คือ youtube(ยังใช้งานค้นหาพิมพ์ภาษาไทยไม่ได้),radioไว้ฟังวิทยุออนไลน์ทั้งไทยและต่างประเทศ(มีบางสถานีเปิดฟังไม่ได้) ,weather ไว้ดูสภาพอากาศ,RSS ไว้เปิดอ่านข่าวสั้นประจำวัน และ account ไว้สำหรับเช็ควันคงเหลือ,เติมโค๊ดสำหรับต่ออายุใช้งานรายเดือน (ถ้าวันหมดอายุจะรับชมได้แค่ช่องฟรีทีวี) -FILES ไว้สำหรับเปิดไฟล์ภาพ,เพลง,หนังจาก external harddisk -SETTINGS ไว้สำหรับปรับแต่งค่าต่างๆของเครื่อง ![]() คลิปลองการใช้งาน เปิดช่องรายการต่างๆ ,ความไวในการเปลี่ยนช่อง,ความชัด,ความนิ่ง ฯลฯ (เชื่อมต่อแบบสาย LAN) สำหรับคลิปเมื่อกี้ เป็นการถ่ายคลิปลองการใช้งานช่องรายการต่างๆให้ได้ชม ไม่ได้พูดรีวิวประกอบในคลิป....สำหรับอีกคลิปข้างล่างเลย EXCLUSIVE ที่นี่โดยเฉพาะ มีเสียงพูดประกอบในคลิป ในความยาวกว่า 4.49 นาที ![]() ต้องโพสข้อความก่อนถึงจะเปิดสปอยดูได้นะจ๊ะ สรุป จากการลองใช้งานผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบทั้ง LAN และ WIFI การรับชมรายการก็ยังคงใช้งานได้ลื่นดี สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้หลายเครื่องพร้อมกัน เช่น เล่นอินเตอร์เน็ตบนคอม,เล่นเน็ตทางมือถือ พร้อมกับใช้งาน IPTV ไปด้วยโดยไม่มีปัญหาอะไร(ที่บ้านใช้อินเตอร์เน็ตความเร็ว 10 MB) แต่การเชื่อมต่อรับสัญญาณแบบ WIFI นั้น บางทีอาจจะมีกระตุกได้บ้าง การเชื่อมต่อสัญญาณแบบ LAN สัญญาณจะนิ่งกว่า,รับชมรายการได้ไหลลื่น ดูแล้วไม่มีกระตุก ทั้งนี้สัญญาณภาพของ IPTV นั้น ทางผู้ให้บริการนั้นได้บอกไว้ว่าสามารถปรับคมชัดได้มากกว่านี้ ในระดับ FULL HD1080I แต่ยังคงต้องรอให้ระบบอินเตอร์เน็ตที่บ้านเราดีกว่านี้,แรงกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับชม,รับชมรายการได้อย่างไหลลื่น |