ผมเองก็เหมือนกับคนอื่นๆที่ซื้อ 3ds มาก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2554 ก็เลยมีโอกาสได้เล่น Fire Emblem : The Sacred Stones (ปี 2004) กันก่อนในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Ambassador ของ 3ds ยุคแรกเริ่ม (T T) เห็นเกมโบราณอย่างนี้แต่เชื่อไหมครับว่าเกมนี้ก็ยังไม่ใช่ภาคแรกของซีรีย์นะครับ เพราะถ้านับกันจริงๆก็ต้องย้อนไปถึงปี 1990 นู้นเลยล่ะครับ (Fire Emblem: Ankoku Ryu to Hikari no Tsurugi) ส่วนภาคล่าสุด ณ ขณะนี้ก็คือ Fire Emblem Awakening (โซน us) วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 แม้จะออกช้ากว่าโซน jp อยู่นานพอสมควร (Fire Emblem: Kakusei วางขายเมื่อ 19 เม.ย. 55) แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มาล่ะครับ นอกจากราคาเกมจะถูกกว่าตามเรตค่าเงิน ภาษาในเกมก็ยังเป็น eng ทำให้ผู้เล่นชาวไทยสามารถเข้าถึงเนื้อเรื่องได้มากกว่าเดิม และมีระบบเปลี่ยนเสียงซาวน์เป็น eng หรือ jp ได้อีกด้วย สำหรับเกมเมอร์มือใหม่ที่อยากลองเล่นเกมซีรีย์นี้ ถ้าคุณชอบเกมแนววางแผนการรบ (Strategy RPG) ก็จัดมาได้เลยครับ (หรือจะโหลดเดโม่ใน e-shop มาลองดูเกมเพลย์ก่อนก็ได้ครับ) ทันทีที่เปิด Fire Emblem Awakening ขึ้นมาผมก็ยอมเสียเวลาเพื่อรอดูไตเติ้ลวนไปวนมาอยู่ราว 30 นาที ถ้าถามผมว่ามันสวยมากนักหรือ ก็ตอบว่าเปล่าเลย แต่มันไปไกลกว่านั้นเป็นคำว่า คลาสสิค ต่างหาก ผมคิดว่าเกมแฮนด์เฮลด์ยุคนี้คงมีน้อยเกมที่ใช้ระบบแบบนี้ ไตเติ้ล -> แนะนำเกมเพลย์ (อาชีพชุด 1) -> ไตเติ้ล -> แนะนำเกมเพลย์ (อาชีพชุด 2) -> ไตเติ้ล -> แนะนำเกมเพลย์ (อาชีพชุด 3) -> ไตเติ้ล -> แนะนำเกมเพลย์ (อาชีพชุด 4) -> ... วนไปเรื่อยๆ ... เกมเมอร์ที่คุ้นกับรูปแบบนี้ก็คงย้อนไปที่เครื่องคอนโซลที่ต่อกับ tv เปิดโชว์ตามหน้าร้านเกมยุคก่อน ถ้าถามย้ำอีกครั้งว่ากราฟิกมันดีพอให้ต้องทนดูซ้ำขนาดนั้นหรือ ก็ต้องตอบตามตรงว่าภาพคงเทียบได้แค่ประมาณ PS2 เท่านั้น แต่พอนำมาใช้กับระบบ 3D ก็ต้องยกนิ้วให้กับนินเทนโด้เลยครับ เพราะมันดูลงตัวและงดงามจริงๆ Fire Emblem Awakening มีระบบเกมเพลย์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมอยู่บ้างเมื่อนำมาลง 3ds สิ่งแรกเลยที่เห็นก็คือคัทซีนแบบการ์ตูน 2D และแบบโพลิก้อน 3D ที่สวยงามลงตัว สลับกันไปมาเพื่อลำดับเรื่องราวสไตล์เกม RPG , มีระบบการสร้างตัวละครหลักให้เลือกปรับแต่งได้เล็กน้อย , ระบบเซฟเกมแบบ 3 ไฟล์ รวมถึงยอมให้ผู้เล่นลบเซฟทิ้งได้ (แปลว่าหาแผ่นเกมมือสองมาเล่นได้นั่นเอง) , มีระบบสตรีทพาสและสป็อทพาส รวมถึงการดาวน์โหลดคอนเท้นท์ DLC , และสุดท้ายมีระบบที่สามารถปรับความยากง่ายได้ 3 ระดับ คือ Normal , Hard , Lunatic รวมถึงการเพิ่มตัวเลือก Casual ทำให้ตัวละครที่ตายแล้วไม่ตายหายไปจากเกมเลยและเซฟได้ทุกที่ (สามารถเลือกโหมด Classic แบบตายแล้วตายเลยและเซฟได้บางจุดตามสไตล์ Fire Emblem ก็ได้) ต่างๆเหล่านี้คนที่เคยเล่น Fire Emblem ไม่ว่าภาคใดมาก่อนก็ตาม เมื่อมาเล่น Fire Emblem Awakening ก็จะรู้สึกถึงการพัฒนาของเกมไปมากกว่าเดิม รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่ก็สามารถเข้าถึงได้แม้จะไม่เคยเล่นภาคอื่นมาก่อนก็ตาม ในส่วนของเกมเพลย์แนววางแบบการรบ ใช้ระบบเทิร์นเบสสลับกันเดินกับผู้เล่นอีกฝ่าย , มีการพัฒนาสกิลทักษะและเลือกสายอาชีพ , อาวุธมีแพ้ทางกัน , พื้นที่ยืนมีผลกับความได้เปรียบเสียเปรียบของยูนิต , ยูนิตที่อยู่ใกล้กันสามารถร่วมมือกันทำคอมโบหรือคอยสนับสนุนได้ , มีการตัดฉากเวลายูนิตต่อสู้กัน ฯลฯ ถ้าสังเกตให้ดีมันคือเกมวางแผนการรบสไตล์โบราณนั่นเอง รวมถึงหากตัวละครใดมีความสัมพันธ์กันในสนามรบก็สามารถออกลูกในสนามรักได้อีกด้วย (ยูนิตในทีมแต่งงานกันได้ด้วยนะครับ ทำเอานึกถึงแสงที่เห็นในไตเติ้ลเลยครับ เดาเอาว่ามันเป็นตัวสเปิร์มหรือเปล่าหว่า?) พอมองภาพรวมแล้วก็เรียกได้ว่า Fire Emblem Awakening พยายามรักษาความคลาสสิคของซีรีย์เอาไว้ อีกทั้งยังคงความสนุกด้วยเนื้อเรื่องที่ชวนติดตามทำให้เล่นได้นานหลายชั่วโมง แถมยังทำออกมาได้ลงตัวเสียด้วย สำหรับผมข้อเสียก็คงจะเป็นเรื่องเสียงที่เบาแม้จะใส่หูฟังดีๆขณะเล่น (แต่รายละเอียดของซาวน์ทำได้ดีนะครับ) อีกทั้งระบบเสียงพากย์ที่ไม่เป็นฟูลว้อยซ์อย่างที่เกมยุคนี้ควรจะเป็น รวมถึงความยากง่ายที่ต่างกันพอสมควรในการเลือกแบบ Casual หรือ Classic (ไม่นับความยากง่าย 3 ระดับนะครับ เพราะอันนั้นชัดเจนอยู่แล้ว และถ้าจบโหมด Lunatic จะมีโหมด Lunatic plus ให้เล่นด้วย) ผมเชื่อว่าในเมืองไทยคงมีคนที่เล่น Fire Emblem Awakening อยู่เฉพาะกลุ่มทั้งๆที่มันเป็นเกมที่ดีมากเกมหนึ่ง ในยุคนี้คงหาเกมแนววางแผนของคอนโซล-แฮนด์แฮลด์ที่เกมเมอร์นิยมทั่วบ้านทั่วเมืองแบบ Final Fantasy Tactics สมัย PS1 ได้ยากเต็มที (ปี 1997) รีวิวโดย limp2551 บทสรุป ต้องโพสข้อความก่อนถึงจะเปิดสปอยดูได้นะจ๊ะ ** หลังจากผ่านช่วงแรกของเกม (ใช้เวลาเล่นประมาณ 1 ชม.) ก็จะได้พบกับด่าน Outrealm Gate (DLC) เมื่อเข้าไปสามารถไปโหลดฉากฟรีได้ที่ Purchase Maps ตอนนี้มีแจกด่าน Champions of Yore 1 แจกฟรีถึงวันที่ 6 มีนาคม 2556 (1 เดือนแรกนับจากเกมวางจำหน่าย เวลา us) |