Paper Mario: Sticker Star ถูกประกาศไว้ตั้งแต่งาน E3 2010 แต่กว่าเกมเมอร์จะได้เล่นกันก็ต้องรอกันจนถึงปี 2012 โดยเกมมีกำหนดออก โซน us วันที่ 11 พ.ย. และโซน jp ออกวันที่ 6 ธ.ค. บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงได้แผ่นมาไวนัก ก็ต้องบอกกันก่อนเลยว่าแผ่นของผมมันเป็นโซนเอเชีย (อีกสาเหตุหนึ่งเพราะได้จากร้านประจำในราคาพิเศษด้วยล่ะครับ ^^) จุดที่โซนเอเชียต่างจากโซน us ก็คือมันไม่มีโค้ดคลับนินเทนโด้ในกล่องทั้งๆที่เกมมันเป็นโซน us เหมือนกัน เพราะงั้นถ้าใครต้องการโค้ดคลับนินเทนโด้ก็ใช้แผ่นโซน us หรือโซน jp นะครับ (ถ้าจะแลกเกมดาวน์โหลดฟรีจากแต้มสะสม ต้องใช้โซน us นะครับ ซึ่งโซน jp ไม่มีระบบนี้จ้า) ก่อนอื่นต้องบอกกันก่อนนะครับว่าซีรีย์ Paper Mario เป็นคนละซีรีย์กับ Super Mario RPG: Legend of the Seven Stars (เครื่อง SFC ปี 1996) , Mario & Luigi: Superstar Saga (เครื่อง GBA ปี 2003) , Mario & Luigi: Partners in Time (เครื่อง DS ปี 2005) และ Mario & Luigi: Bowser's Inside Story (เครื่อง DS ปี 2009) เพราะงั้นถ้าใครเคยเล่นเกมพวกนี้มาก่อนก็ต้องบอกกันอีกครั้งว่า Paper Mario มีเกมเพลย์ที่ไม่เหมือนกันนะครับ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 ซีรีย์ Paper Mario ออกมาครั้งแรกบนเครื่อง N64 พอถึงปี 2004 ก็ออกภาค Paper Mario: The Thousand-Year Door ลงให้กับเครื่อง GC แต่ว่าคนไทยเริ่มมารู้จักกับเกม Super Paper Mario ในปี 2007 ที่ลงให้กับเครื่องเกมยอดนิยมอย่าง Wii หลังจากนั้นก็ผ่านมาถึง 5 ปี จนเข้าสู่ยุคใหม่ของเครื่องเกม 3ds เกม Paper Mario: Sticker Star จึงได้เข้ามาให้เล่นกันอีกครั้งในปี 2012 Paper Mario: Sticker Star เป็นภาคที่ 4 ของซีรีย์นี้ ในส่วนของเกมเพลย์ได้เปลี่ยนกับไปใช้ฉากแบบ 3D มีนางฟ้า Kersti ที่มีรูปร่างคล้ายมงกุฎเป็นผู้ช่วยคอยให้คำแนะนำในการเดินทาง (ต่างจากภาค 3 ใน Wii ที่เป็นฉาก 2D ที่มีผู้ช่วยเป็นผีเสื้อชื่อ Tippi) โดยมีเนื้อเรื่องที่เดาได้ทันทีแม้ไม่เคยเล่นภาคนี้มาก่อนว่า เจ้าหญิงพีชถูกจับตัวไปและมาริโอ้ต้องไปช่วยเหลือเจ้าหญิงพีช โอวว .. ช่างเป็นนิยายน้ำเน่าเห็นเงาจันทร์จริงๆ !! จุดที่ต้องชมก่อนเลยก็คือระบบสอนวิธีเล่นที่เคยน่ารำคาญถูกตัดทิ้งไป ผู้เล่นจึงต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเองภายใต้คำแนะนำอันน้อยนิด ถ้าใครงงในส่วนต้นเกมก็ขอสปอยสักหน่อยนะครับว่า คุณต้องหา ไอ้เห็ด ที่ซ่อนอยู่ทั้งหมดให้เจอ แล้วจึงจะพบกับแผนที่โลก (ใครหาไม่ครบออกไปนอกเมืองไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งเขวี้ยงเครื่องทิ้งซะล่ะ ใจเย็นๆ ^^) หลังจากนั้นก็จะเป็นระบบการต่อสู้แบบเกม RPG ซึ่งถ้าใครมัวแต่กดปุ่มรัวๆ พลังชีวิตคงหมดอย่างรวดเร็วแน่ๆ รูปแบบเกมเพลย์ในฉากต่อสู่จะต้องเลือกสติ๊กเกอร์แล้วคอยกดจังหวะให้เหมาะ ทั้งเวลาโจมตีและเวลาป้องกัน แถมสติ๊กเกอร์บางรูปก็จะมีพลังพิเศษให้ด้วย (เปรียบเทียบก็คล้ายกับคาถาในเกม RPG นั่นล่ะ แต่ไม่ต้องใช้ MP) อย่างไรก็ตามแม้จะมีแผนที่ให้ไปได้หลายจุด แต่หากไม่มีไอเทมบางอย่างก็ยังไม่สามารถผ่านจุดนั้นไปได้นะครับ เพราะงั้นบางจุดจึงต้องแก้ปริศนาสักหน่อย แต่บางจุดก็ต้องได้ไอเทมตามเนื้อเรื่องจึงจะไปต่อได้ ดนตรีในเกมมีทั้งทำนองเพลงใหม่และเพลงเดิมที่คุ้นหูถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ทั้งหมด ทำให้อารมณ์ในการเล่นยังคงความสดแม้จะเคยเล่นซีรีย์มาริโอ้มายาวนาน เรื่องเสียงประกอบยังคงเป็นปัญหาสำหรับเกม 3ds อยู่เพราะแม้ผมจะใส่หูฟังอย่างดีและเปิดเสียงดังจนสุด ผมก็ยังคิดว่ามันเบาอยู่นะ แต่รายละเอียดของเสียงทำได้ดีมากครับ ทั้งมิติใกล้ไกลของเสียง รายละเอียดต่างๆในเกม ฟังแล้วชัดเจนดีมาก น่าเสียดายที่บทพูดในเกมยังต้องใช้วิธีอ่านเอา ยังคงไม่มีเสียงพากย์เหมือนเดิม ในส่วนของภาพผมว่ามันเป็นเกมที่ลงสีสันได้สดใสมากๆ ตัวละครและฉากออกแบบมาได้สวยงามน่าดู เรียกว่าน้อยคนนักที่เมื่อเห็นครั้งแรกแล้วจะไม่เหลียวมอง ในส่วนของเอฟเฟคแบบ 3D ต้องบอกว่าไม่พร่ำเพรื่อแต่สวยงามเวลาได้พบเจอ ถ้าพูดโดยรวมก็คงต้องบอกว่าไอเดียเกมเพลย์แบบนี้คงมีแต่นินเทนโด้ล่ะครับที่กล้าคิดและกล้าทำมันขึ้นมา แถมยังทำออกมาได้สมบูรณ์ซะด้วยสิ ข้อเสียของเกมคงเป็นระบบเกมเพลย์ในส่วนการต่อสู่ล่ะครับ ที่แม้จะเป็นการเลือกคำสั่งแบบเกม RPG (ในที่นี้คือการเลือกสติ๊กเกอร์) แต่การต้องคอยกดปุ่มทั้งรุกทั้งรับ มันทำให้รำคาญเหมือนกันโดยเฉพาะที่ฉากหลังๆที่มีศัตรูในแผนที่มากขึ้น อึดขึ้น และลูกเล่นล่อหลอกในการเข้าโจมตีมีพอสมควร อีกทั้งไอเทมพวกสติ๊กเกอร์ที่ได้รับมาใหม่ก็ต้องมานั่งเรียนรู้ด้วยการลองใช้งานจริง (ใช้เสร็จก็หายไป) ทำให้ต้องคอยระมัดระวังเรื่องการเลือกสติ๊กเกอร์ การกดปุ่มให้ตรงจังหวะ และการรักษาพลังชีวิตให้เพียงพอ ไหนจะระบบเซฟเกมที่ไม่สามารถเซฟได้ทุกที่ (เซฟที่จุดเซฟ หรือออกจากแม็พด่านนั้น) ทำให้อารมณ์การอยากเล่นแบบรวดเดียวจบยังไม่เท่ากับช่วงเวลาที่ผมได้เล่น New Super Mario Bros. 2 อย่างไรก็ตามถ้าให้เลือกเกมซีรีย์มาริโอ้ที่ดีที่สุดบน 3ds ผมคิดว่าผมยังเลือกคำตอบเดิมๆอย่าง Super Mario 3D Land (ภาพที่มาริโอ้ออกมากู้วิกฤตยอดขาย 3ds เมื่อปี 2011 มันช่างตราตรึงใจยิ่งนัก อ่าห์) แต่ถ้าใครอยากจะลองมาริโอ้ในอีกมุมมองหนึ่ง Paper Mario: Sticker Star เป็นอีกแนวทางที่นินเทนโด้ทำออกมาได้ดี ไม่ผิดหวังเลยครับ รีวิวโดย limp2551 |