![]() ![]() ![]() ผมไปเที่ยวแบคแพคระหว่างวันที่ 2 4 สิงหาคม 2555 ช่วงเวลาที่ไปเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดเข้าพรรษาเหมือนปีที่แล้ว แต่ก็ต่างจากปีที่แล้วตรงที่นักเรียนสอบเสร็จกันหมดแล้ว ผมก็เลยจัดตารางงานสอนและวันหยุดได้ง่ายกว่าเดิม ปีนี้ผมเตรียมโปรแกรมเที่ยวและที่พักไว้ล่วงหน้า แต่ไม่ได้ขับรถไปครับ ผมไปขึ้นรถที่ท่ารถเอกมัยเช่นเคย ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าก็ซื้อกันตอนนั้นเลยครับ ใช้เวลารอรถไม่นานก็ได้ขึ้นรถ รอบที่ผมขึ้นคือเวลา 8.40 น. ในรถแอร์เย็นมากก็นั่งหนาวสั่นกันไป ใช้เวลาเดินทางราวสองชั่วโมงก็ถึงพัทยาแล้วครับ พอถึงพัทยาก็จะมีสองแถวมาจอดรอ สามารถนั่งไปได้ไกลจนถึงพัทยาใต้กันเลย แต่ผมลงพัทยาเหนือครับ เพราะโรงแรมที่พักอยู่แค่ซอย 6 / 1 ผมจองผ่านเว็บhttp://www.agoda.co.thครับ ![]() ![]() ![]() เป็นครั้งแรกที่ผมจองที่พักผ่านระบบเว็บไซต์ พอไปถึงก็เอาบัตรเครดิตตัวจริงกับใบเสร็จที่ปริ้นซ์จากคอมไปให้กับทางโรงแรม รอสักครู่ก็ได้คีย์การ์ดแล้วครับ ผมพักอยู่ที่โรงแรมพัทยาดิสคอฟเวอรี่บีช ห้อง 7010 ห้องพักที่จองไว้มีอาหารมื้อเช้าให้ด้วยครับ เหมือนเคยครับ ไปตั้งหลักกันที่เซ็นทรัลพัทยากับอาหารมื้อแรกของวันนี้ที่กินกันตอนเกือบบ่ายสอง นั่งกินอยู่ที่ซูกิชิ แรกๆรู้สึกดีกับร้านนี้มากๆ แต่พอกินไปกินไปก็อิ่มมากๆ ทำเอาเกลียดซูกิชิชั่วคราวกันเลยทีเดียว ไม่ไหวครับ มันอิ่มมากๆ ก็เลยออกมาเดินริมทะเล อากาศดีมาก ลมเย็นสบาย แดดไม่ค่อยมี เดินไปเรื่อยๆจนถึงตึกริปลีย์ จังหวะพอดีกับฝนเตรียมกระหน่ำเลยครับ ก็เลยเข้าไปใช้บริการกับริปลีย์ตามที่ตั้งใจไว้ ![]() ![]() ![]() ราคาบัตรที่ขายแบ่งเป็นของคนไทยและคนต่างชาติ ถ้าเป็นคนไทยจะใช้ตัวเลขไทยซึ่งมีราคาถูกกว่าราคาที่ขายคนต่างชาติ ผมเลือกซื้อแบบบัตรชุดชนิดที่ให้เลือกได้ 3 โซน เพราะถ้าซื้อบัตรชุดแบบเล่นได้ทุกอย่าง มันจะต้องเล่นบ้านผีด้วย แต่ว่า mylove ของผมไม่อยากเล่นบ้านผี เพราะงั้นผมก็เลยเลือกบัตรประเภทนี้ ได้เล่นห้องหุ้นขี้ผึ้ง ห้องพิพิธภัณฑ์ และห้องวงกต เริ่มต้นที่ห้องหุ่นขี้ผึ้ง ต้องบอกว่าทำออกมาได้เหมือนมาก ทั้งความสูงของตัวหุ่น รายละเอียดในแววตาที่หุ่นมองออกมา หรือแม้แต่หนวดเคราของหุ่น ดูกันเพลินเลยล่ะครับ ทีแรกผมเข้าใจว่าห้องโชว์หุ่นคงจะมีแค่ห้องเดียว แต่พอได้เข้าไปถึงได้รู้ว่ามันมีหลายห้องมากๆ ใช้เวลาเดินดูและถ่ายรูปได้ราวครึ่งชั่วโมง ห้องต่อมาเป็นห้องพิพิธภัณฑ์ เป็นจุดขายของทางริปลีย์เลยครับ นอกจากข้อมูลเรื่องแปลกจากทั่วโลกแล้ว ในนั้นยังมีพวกสิ่งของแปลกๆมาให้ชมกันด้วย ผมเองก็ขี้เกียจอ่านข้อมูล ก็เลยเลือกเดินดูแค่ของบางชิ้น ในนั้นก็มีหลายห้องมากๆ ผมใช้เวลาเดินราวๆครึ่งชั่วโมงเช่นกัน ![]() ![]() ![]() ห้องสุดท้ายคือห้องเขาวงกต ก่อนเข้าจะต้องสวมถุงมือกับถุงคลุมรองเท้า พอเข้าไปปั๊บก็จะเจอห้องที่เต็มไปด้วยกระจก ภาพที่ได้เห็นมันสะท้อนจนตาลาย การหาทางออกนอกจากจะยากแล้วยังท้าทายอีกด้วย ผมแอบโกงด้วยการเปิดไฟจากมือถือและพอหาทางออกไม่ได้ ก็พบกับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มก็เลยร่วมเดินทางด้วยกัน การผจญภัยตอนหลังแบบคนหมู่มากเลยง่ายกว่าเดิมเยอะเลย แอบเสียดายเหมือนกันเพราะถ้าไปกันเองตามลำพังคงท้าทายกว่านี้ ผมจองตั๋วอัลคาซ่าร์ไว้รอบ 21.30 น. ต้องขอบคุณ คุณ krisda_1976 เพื่อนสมาชิกในเว็บhttp://www.3dsthailand.comที่ช่วยผมเรื่องตั๋ว แถมยังได้มาฟรีอีกด้วย ขอบคุณมากเลยครับ ระหว่างรอเข้าชมก็เดินไปหาของกินมื้อที่สองของวันนี้กับร้านข้าวแกงข้างๆอัลคาซ่าร์ สั่งไข่เจียว ต้มยำกุ้ง คอหมูย่าง ข้าวเปล่า 2 จาน และโค้ก 2 ขวด อาหารธรรมดาทั่วไปแต่โดนไป 360 บาท จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมอยากเตือนเพื่อนๆเลยครับว่า ถ้าคิดจะกินอาหารให้ไปกินร้านอาหารแบรนด์ดังไปเลย ราคามันพอๆกันครับ ![]() ![]() ![]() คนมาดูอัลคาซ่าร์เยอะมากๆ รถทัวร์ต่างประเทศมาลงกันมากมาย หลังจากโชว์จบจะมีนักแสดงมาออกมาให้ถ่ายรูป ใครอยากถ่ายรูปกับนักแสดงระยะประชิดก็ต้องเสียค่าถ่ายรูปให้นักแสดงด้วยนะครับ ผมได้แต่ยืนสังเกตการณ์เท่านั้นเพราะ mylove บอกว่าค่าถ่ายรูปครั้งละ 300 บาท วันที่สองก็พบกับอาหารบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ ผมตักมากินกันแบบอิ่มมากๆ น่าเสียดายที่ไม่มีขนมปังเฟรนช์โทสต์ (โรงแรมเดิมครั้งที่แล้วมีให้ทุกเช้า) วันนี้ตั้งใจไปแกลลอรี่ดูภาพที่ อาร์ตอินพาราไดซ์ ทางโรงแรมแจ้งว่าอยู่ใกล้กับทิฟฟานี่ สามารถเดินจากโรงแรมไปได้ อากาศยามสายไม่มีแดด แถมบางช่วงเหมือนมีละอองฝนเล็กน้อย เดินเล่นได้สบายครับ ผมก็เลยเดินหาทางไปกัน หาไม่ยากครับเดินไม่นานก็เจอ ![]() ![]() ![]() ตอนซื้อตั๋วเข้าไปก็ไม่ต้องเข้าแถวเลยครับ คนไม่มี แต่พอเข้าไปข้างในคนแน่นมากๆ แถมภาพถ่ายช่วงแรกดันเป็นทางเดินบังคับคนเลยไปแออัดกันตรงนั้นมากๆ ผมก็เลยเดินไปที่ห้องโถงก่อน จากห้องโถงจะมีที่ถ่ายรูปที่ไม่ต้องเบียดเสียดกันแล้ว จะเลือกถ่ายที่ชั้นล่าง หรือจะเลือกเดินบนระเบียงชั้นบนก็ได้ครับ ภาพที่ให้ถ่ายมีมากมาย ตรงไหนคนเยอะก็ไปถ่ายจุดอื่นก่อน เดี๋ยวค่อยวนกลับมาถ่ายก็ได้ หลังจากถ่ายจนทั่วแล้ว ผมก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม (ไม่ได้ออกทางออกที่จัดไว้) ปรากฏว่าจุดทางเข้าคนแน่นกว่าเดิม ผมยืนรอคิวถ่ายรูปตั้งนาน โดนคนแซงคิวตลอด จนผมไม่อยากถ่ายมันละ ผมว่าทาง อาร์ตอินพาราไดซ์ น่าจะจัดระเบียบคนที่เข้ามานะครับ เพราะไม่อย่างนั้นคนที่เข้าก็เข้ามาเรื่อยๆ จุดที่รอถ่ายรูปมันก็แออัด สุดท้ายคนที่มาก็อาจจะพาลไม่อยากมาอีกเพราะคนเยอะจนเกินไป ![]() ![]() ![]() ตอนผมออกมาคนเยอะมาก ทั้งคนที่รอคิวเพื่อซื้อตั๋วเข้าชม ทั้งรถที่เข้าซอยเพื่อพากันมาชมแกลลอรี่ ต่างๆเหล่านี้ทำให้มันกลายเป็นปัญหาที่ต้องหาทางจัดการระบบระเบียบกันแล้วล่ะครับ กลับมาที่เซ็นทรัลอีกครั้งเพื่อมาดูหนัง รัก 7 ปี ดี 7 หน แต่กว่าจะถึงรอบที่จองก็อีกสักพัก ก็เลยเดินหาร้านอาหารมาทานรองท้องกันก่อนดีกว่า ผมเข้าไปนั่งกินที่ร้านเอเต้ เลือกทานพวกของหวาน เบาๆ แถมอาหารพวกของหวานทางร้านเอเต้มีส่วนลดให้ลูกค้าด้วยครับ หลังจากหนังจบก็มากินมื้อเย็นกันที่ร้านแคนตันเฮ้าส์ ตอนที่ผมไปดูเหมือนทางร้านจะมีปัญหาในส่วนของครัวที่น้ำแอร์มันรั่วหยดลงมาก็เลยมีช่างมาแก้ไขให้อยู่ ทำให้ภายในร้านเสียดังไปบ้าง แต่โดยรวมอาหารก็อร่อยดีครับ ![]() ![]() ![]() กลับมาถึงที่พักวันนี้ก็เพลียแล้วครับ mylove ของผมจะดู ณเดชน์ (ธรณีนี่นี้ใครครอง ละครช่อง 3) ผมบอกกับ mylove ว่า ถึงผมจะไม่ใช่ณเดชน์ แต่ผมคือ limp2551 เป็นประโยคที่ภูมิใจเอามากๆ 555 หลังจากนั้นก็เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ วันที่สามของการไปเที่ยวกับอาหารมื้อเช้าครั้งที่สองของทางโรงแรม มื้อนี้ผมเลือกทานอาหารเช้าเบาๆ แล้วก็เดินสำรวจโรงแรม แล้วก็ต่อด้วยการเดินมาที่ทะเลหน้าโรงแรม กลับมาก็เตรียมแพคกระเป๋ากลับบ้าน หลังจากเช็คเอ้าท์เรียบร้อยก็กลับไปขึ้นรถที่ท่ารถ ผมได้รถรอบ 11.20 น. รถที่นั่งรอบนี้แอร์ไม่มีความเย็นเลยครับ อากาศในรถร้อนมากๆ แถมเบาะที่นั่งก็นั่งไม่สบายอีกด้วย เรียกได้ว่าขากลับทั้งร้อน ทั้งเมื่อย ทั้งเพลีย เลยล่ะครับ ![]() ![]() ![]() พอรถมาถึงเอกมัย ผมก็เลยเดินมาที่ห้างเกตเวย์เอกมัย อยู่ข้างๆกันเลยครับ ข้างในคนเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ แถมร้านอาหารแต่ละร้านก็หนักไปทางอาหารญี่ปุ่นแทบทั้งนั้น ที่สำคัญคือแต่ละร้านคิวเยอะมากๆทั้งที่ผ่านเวลาทานข้าวเที่ยงไปนานแล้ว (เกือบบ่ายสอง) ผมกินที่ร้านอาร์เบอร์เกอร์ มารู้ตอนหลังว่าอาหารเด่นของที่นี่คือเบอร์เกอร์ แต่ผมดันสั่งสเต็กกันไปแล้ว หลังจากกินกันเสร็จก็เรียกแท็กซี่กลับบ้านกัน ถ้าใครที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งปี เวลาพักผ่อนก็ไม่ค่อยจะมี การหาเวลาพักผ่อนสักช่วงเวลาหนึ่ง แล้วตัดขาดงานประจำที่ต้องทำออกไป ใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับคนที่คุณรัก นั่นล่ะครับความสุขในวันพักผ่อนที่หาไม่ได้จากชีวิตประจำวัน ![]() ![]() ![]() คิดแล้ว.. ก็อยากไปเที่ยวอีกจัง ^^ ![]() ต้องโพสข้อความก่อนถึงจะเปิดสปอยดูได้นะจ๊ะ |