ทำไมต้องจั่วหั่วกระทู้ว่า เกมส์ RPG เกมส์ที่ 2 ในชีวิต ?? นั่นสินะทำไมไม่เอา RPG เกมส์แรกในชีวิตหว่า ( อิอิ ) ช่างเหอะตั้งชื่อกระทู้เอามันส์ว่าไปงั้นแหละ ในยุคที่หัดเล่น RPG ใหม่ ๆ สำหรับตัวจ๊ะเอ๋เองก็คงหนีไม่พ้น Super Famicom เพราะโดยส่วนตัวมีความทรงจำเกี่ยวกับเครื่องเล่นตัวนี้มาก ๆ ตั้งแต่ยังไม่มีเครื่องยันซื้อเครื่องมาเล่นเองเลย หลังเลิกเรียนไม่ไปไหนละ เข้าร้านเกมส์แช่เป็นชั่วโมง ๆ กว่าจะกลับบ้าน โดนผู้ปกครองว่าประจำ ( หนู ๆ เด็กดีอย่าเอาอย่างนะจ๊ะ ) จนยอมใจอ่อนซื้อเครื่องมาให้เล่นซะที่บ้านซะเลยจะได้ไม่ต้องไปเสียเงินเช่าเค้าเล่นอีก ( แต่ก็ยังแอบไปเล่นอยู่ ) ในปีนั้นเอง ( คาดว่าประมาณ 2535 ) ได้มีโอกาสได้สำหรับ RPG เกมส์แรกในชีวิตในคือ Final Fantasy V เกมส์นี้ในตอนนั้นมีหัวโปรบางรุ่นเท่านั้นที่เล่นได้ เอาล่ะในเมื่อมันดังนักก็กดเป็นตลับแท้มาเล่นมันซะเลย จำได้แม่นได้มาราคา 2800 บาทซึ่งถือว่าแพงมาก ๆ เลยนะนั่น เกริ่นมาซะยาวเดี๋ยวจะไม่เข้าเรื่องอีก... Breath of Fire เป็น RPG เกมส์แรกและเกมส์เดียวของ Capcom ในตอนนั้นเกมส์ของ Capcom ที่ดังมาก ๆ ก็ Street Fighter II นี่แหละ ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองซะเหลือเกิน ( ไอ้เราก็เอากะเค้าด้วย ) แต่พอเริ่มลองหัดเล่นเกมส์ภาษาจนพอรู้ทางบ้างแล้วหลังจาก Final Fantasy V วางตลาดได้พักนึงในปีเดียวกันนั้นเอง Breath of Fire ก็ออกมาสู่สายตาชาวโลก เพื่อน ๆ เล่นเกมส์ประจำร้านเกมส์ที่เล่นเกมส์ภาษาอยู่แนะนำลองเล่นดู เพราะคาดว่าทาง Capcom ทำออกมาชนกับ Final Fantasy V ที่กำลังฮอตสุด ๆ ในตอนนั้น ก็นับว่าโชคดีที่หัวโปรที่เล่นอยู่ตอนนั้นเล่นเกมส์นี้ได้ ( เย้ๆๆ ) เลยเอามาเล่นมันซะเลย สำผัสแรก เออวุ๊ย เกมส์นี้หนุกดีเหมือนกันแฮะ แต่ยากอิ๊บ ติดอยู่นานมาก ๆ กว่าจะผ่าน ( เลเวลในการเล่นเกมส์ภาษายังห่วยมาก ๆ เด็ก ๆ สมัยนั้นจะพึ่งบทสรุปกันซะเยอะ รวมทั้งตัวจ๊ะเอ๋ด้วย ) รูปแบบการเล่นโดยรวม แน่นอนว่าเกมส์นี้ก็เหมือนกับ RPG ทั่วไป คือเดินบนแผนที่แล้วตัดเข้าฉากต่อสู้ เลือกคำสั่ง หลังสู้เสร็จ ก็จะมีการสรุป EXP และจำนวนเงินที่ได้ ( RPG ในยุคนั้นส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ) ภายในเกมส์เราจะรับบทเป็น ริว เด็กหนุ่มสายเลือดมังกรที่ออกผจญภัยเพื่อค้นหาความจริงเกี๋ยวกับเผ่าพันธ์กำเนิดของตัวเขาเอง ระหว่างผจญภัยก็จะพบเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายรวมถึงเพื่อนร่วมทางที่เข้ามาร่วมผจญภัยด้วย ตลอดทั้งเกมส์ในภาคนี้เราจะมีเพื่อนร่วมทางทั้งหมด 8 คนด้วยกัน โดยเพื่อน ๆ แต่ละคนก็จะมีความสามารถแตกต่างกันไป และบางฉาก บางเหตุการณ์เราก็ต้องใช้ความสามารถของเพื่อน ๆ ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เพื่อเข้าไปยังเหตุการณ์ต่อไป การดำเนินเนื้อเรื่องในช่วงแรก ๆ อาจจะรู้สึกเบื่อหน่ายไปบ้างเพราะเกมส์ดำเนินเนื้อเรื่องค่อนข้างจะช้า ดังนั้นระหว่างเดินทางอาจมีเหตุการณ์ย่อย ๆ ให้เล่นเช่น ล่าสัตว์ที่ออกมาเพ่นพ่านบทแผนที่ ตกปลา เป็นต้น ซึ่ง Item สำคัญบางอย่างเราต้องหาจากวิธีนี้เท่านั้น รูปแบบการต่อทู้ที่ดูจะโดดเด่นพอสมควรหากเทียบจาก RPG หลายเกมส์ในยุคนั้น เกมส์นี้จัดฉากต่อสู้ในแบบแนวทแยงและตัวละครทั้งฝ่ายเราและฝ่ายศัตรูมีการเคลื่อนไหวให้เหมือนมีชีวิต ซึ่งเกมส์ดัง ๆ อย่าง Final Fantasy V ตัวละครฝ่ายศัตรูจะเป็นเหมือนภาพมาแปะไว้เฉย ๆ กระดุกกระดิกไม่ได้ เวลาจะโจมตีก็จะกระพริบเอา ( ถ้าเพื่อน ๆ เคยเล่นคงนึกออก ) อีกอย่างเกมส์นี้เราสามารถเช็ตปุ่มต่าง ๆ เป็นคำสั่งลัดได้อย่างตามใจชอบโดยไม่ต้องกดเข้าจอเมนู เช่น เสร็จปุ่ม X เป็นปุ่มเมนูใช้ไอเทม เช็ตปุ่ม Y เป็นเมนูใช้คาถาเป็นต้น เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วได้เป็นอย่างดีทีเดียว และหากเพื่อน ๆ ดำเนินเนื้อเรื่องมาจนถึงช่วงท้าย ๆ เกมส์ ตัวเอกและเพื่อนร่วมทางจะมีความสามารถพิเศษต่าง ๆ เพิ่มเข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการเล่นให้ง่ายยิ่งขึ้น ( แต่ก็ท้ายเกมส์เลยแฮะ ) เช่น พระเอกสามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้ทำให้พลังโจมตีและพลังป้องกันเพิ่มมากขึ้น นีน่า สามารถแปลงร่างเป็นนกได้ ทำให้เดินทางได้รวดเร็ว ดังก์สามารถรวมร่างกับเพื่อน ๆ คนอื่นได้ เป็นต้น ภาพและเสียง หากเทียบกับเกมส์คู่แข่งที่ดังพอ ๆ กันอย่าง Final Fantasy V ซึ่งใช้ความจุของตัวเกมส์ 16 M แต่ Breath of Fire ใช้ความจุเพียง 12 M แต่จากหลายเสียง หลายปากของคนเล่นเกมส์ในตอนนั้นเทคะแนนให้ Breath of Fire ด้านภาพและเสียงเหนือกว่า Final Fantasy V ซะอีก ตัวเกมส์มีการใส่การเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนมีชีวิต ฉากแอ๊คชั่นต่าง ๆ ดูสมจริงให้อารมณ์คึกคักต่อผู้เล่นอย่างต่อเนื่อง ดนตรีประกอบทำมาได้ค่อนข้างลงตัวทีเดียว เสียงเพลงเวลาสู้กับบอสนี่คึกคักดีแท้ ( มีเหมือนกันที่เล่น ๆ แล้วเพลงประกอบพาให้ง่วง..แป่วววว ) ประกอบกับตัวเกมส์มีเนื้อหาซ่อนอยู่มากมายให้ผู้เล่นได้ค้นหา โดยเฉพาะมังกรร่างสุดท้ายของ ริว หากดำเนินเนื้อเรื่องไม่ครบก็ไม่สามารถไปเอามาได้และไม่ได้สู้กับบอสใหญ่ร่างจริงอีกด้วย รายละเอียดปลีกย่อยต่าง ๆ ผู้เล่นต้องค้นหากันให้ครบเลยทีเดียวเพื่อไปสู่ฉากจบอันสมบูรณ์แบบของตัวเกมส์ สรุป หลังจากนั้นอีกประมาณ 2 ปีทาง Capcom ก็ได้คลอด Breath of Fire II โดยยึดตัวเอกคนเดิมและเพื่อนร่วมทางบางคนเอาไว้อยู่แต่ดูเหมือนจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องใหม่ ซึ่งตัวจ๊ะเอ๋เองก็มีโอกาสได้เล่นซีรีย์นี้ถึงภาคนี้เท่านั้นเอง ( ทั้ง 2 ภาค ตอนหลังมีรีเมคลง GBA ด้วย แถมเป็นภาษา Eng อีกต่างหาก ( ตอนเล่นตัวต้นฉบับของ SFC เป็นภาษา Jap )) เป็น RPG อีกเกมส์นึงในยุค SFC ที่ทำออกมาได้สนุกดีทีเดียว จ๊ะเอ๋เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนอาจจะเคยได้เล่นกันบ้าง ถึงตอนนี้แม้เกมส์ซีรีย์ Breath of Fire ไม่มีออกมาให้เล่นแล้วแต่เกมส์นี้ก็เป็นอีกเกมส์นึงที่จ๊ะเอ๋ชอบมาก ๆ เลยค่ะ คลิปเปิดเกมส์ที่เอามาให้ดูนี่เป็นฉบับที่แปลเป็นภาษา Eng เรียบร้อยแล้วค่ะ แถมคลิปบอสตัวสุดท้ายของภาคนี้ซะหน่อย ทิ้งท้ายก่อนจาก เกมส์ RPG หลาย ๆ เกมส์ที่เล่นแล้วสนุกของ SFC นอกจาก Breath of Fire กับ Final Fantasy แล้ว ก็ยังมี Estpolis I,II หรือ Lufia ในภาคภาษา Eng กับ Saiken หรือ ตำนานดาบศักศิทธ์ ซึ่งเป็น Act/Rpg เกมส์แรกและเกมส์เดียวที่สามารถเล่นได้พร้อมกันถึง 3 คน น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่มีการรีเมคตัวต้นฉบับมาเล่นเล่น ที่เห็น ๆ ก็มีแต่ Estpolis ที่รีเมคมาลง NDS แต่ไม่เหลือเค้าโครงเกมส์ต้นฉบับให้เล่นเลย ซะงั้น ขอบคุณทุกคอมเม้นที่แวะเข้ามาอ่านและติชมค่ะ