เอาแบบที่ว่าตัวเองไม่เคยดูแบบจริงๆจังเลยซักครั้ง แต่ได้ฟัง หรือได้ยิน หรือได้เห็นบ่อยๆ เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องมีประัสบการณ์ที่ว่านี้แน่นอน ส่วนตัวผมแล้วต้องเรื่องนี้เลยครับ เจ้าหนูปรมาณู ที่เป็นต้นฉบับรุ่นทีวีขาวดำของอ.เท็ตซึกะ โอซามุ ผมไม่เคยดูที่เป็นอนิเมชั่นเลยแม้แต่ภาคเดียว(ฉบับรีเมคก็ไม่้เคย) ส่วนการ์ตูนที่สนพ.วิบูลย์กิจเคยเอามาตีพิมพ์ก็ไม่ได้ซื้อเก็บไว้ ตอนนี้หาซื้อยากแล้วด้วย สังเกตุนะครับว่าแม้จะเป็นอนิมชั่นเมื่อ 50 ปีก่อน (ช่วงยุค 1963) แต่ภาพสวยงามและต่อเนื่องกว่าอนิเมชั่้นของไทยยุค 2011 ซะอีก

จิ้มแล้วอ่านโลด ]

ใครเข้ามาอ่านแล้วไม่ยอมตอบเพราะกลัวแก่ ขอให้สิวขึ้นหน้าฝ้าขึ้นหลังลามขึ้นคอยังไม่พอขอให้อกหัก ไม่พบรักทุกชาติ ทุกชาติไป เพี้ยงๆ

โห ท่านผู้นำเล่นการ์ตูนขาวดำแบบนี้ใครจะไปเกิดทันล่ะเนี่ย (มาแบบเนียนๆกลัวโดนแช่ง)

3เหมียวยอดนินจา จริงๆไม่เคยดูหรอก แต่มีของสะสมเฉย ๆ

เล่นตั้งโจทย์แบบนี้ หลังจากใช้เวลานาน ก็นึกออกเรื่องนี้ที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี มนุษย์หินฟลิ้นท์สโตน ( The Flintstones) เป็นการ์ตูนอเมริกัน สร้างโดย ฮันนา-บาร์เบอราโปรดักชัน เรื่องราวของครอบครัวยุคหินในจินตนาการที่มีการผสมผสานวัตถุและวิถีชีวิตสมัยปัจจุบันลงไป เช่นการใช้รถแบบวิ่งเอง การเลี้ยงไดโนเสาร์แทนสุนัข ชื่อสกุลของตัวละครเอกในเรื่อง (ฟลินท์สโตน) แปลว่า หินเหล็กไฟ ส่วนชื่อสกุล รับเบิล แปลว่าเศษหินหรือเศษอิฐ อันที่จริง ภาพชีวิตและสังคมของครอบครัวยุคหินในการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือสังคมของชาวอเมริกันในช่วงยุคประมาณทศวรรษที่ 1960 นั่นเอง ไม่ใช่สังคมมนุษย์ยุคหินจริงๆ เพียงแต่ในการ์ตูนได้แปลงเทคโนโลยีทุกอย่างให้มีกลิ่นอายของ "ยุคหิน" แม้ว่าจะไม่ใช่ของยุคหินจริงๆ ตามประวัติศาสตร์ เช่น เฟรดและบาร์นี่ย์ขับรถยนต์ (แบบการ์ตูนยุคหิน คือไม่มีเครื่องยนต์) มีโทรศัพท์ใช้ มีกล้องถ่ายรูป วิลม่าและเบ็ตตี้มีเครื่องซักผ้าขับเคลื่อนโดยพลังงานจากสัตว์เลี้ยง สังคมยุคนั้นมีเครื่องบินและสนามบิน เพียงแต่เป็นเครื่องบินที่เป็นตัวทีโรแด็กทิลหรือไดโนเสาร์ประเภทนกยักษ์โบราณ บนถนนมีไฟสัญญาณจราจร มีตำรวจจราจรที่ขี่จักรยานยนต์ เฟรดทำงานในบริษัทขุดเหมืองหิน มีเจ้านายเป็นนักธุรกิจที่มีเลขานุการส่วนตัว เช่นเดียวกับนักธุรกิจยุคปัจจุบัน ยามว่างเฟรดก็เล่นโบว์ลิ่ง เพียงแต่อุปกรณ์ต่างๆ ถูกแปลงให้ดูเป็นของยุคหิน (ในการ์ตูน) เท่านั้น การ์ตูนอีกเรื่องหนึ่งของฮันน่า-บาร์เบอร์ร่าที่สะท้อนสังคมทุนนิยมแบบอเมริกันในช่วงทศวรรษ 1960 ในลักษณะคล้ายกับเรื่องมนุษย์หินฟลินท์สโตนและผลิตออกมาในเวลาใกล้เคียงกันคือเรื่องครอบครัวเจ้ทสัน (The Jetson Family)ซึ่งผูกเรื่องเป็นของโลกอนาคต แต่แท้จริงแล้วก็เป็นวิถีชีวิตของชาวอเมริกันในยุค 1960 นั่นเอง เครดิต :http://hatyaicart.com/webboard/viewthread.php?tid=1731

ต้องขออภัยกับเจ้าของกระทู้ด้วยคับเกิดไม่ทันจริงๆเลยตอบให้ไม่ได้

แบบนี้แหละ ไม่ต้องถึงกับเก่าขาวดำก็ได้แหม ทำเป็นวัยรุ่นกันซะจริง งั้นเปลี่ยนหัวข้่อใหม่ว่า การ์ตูนเก่าๆ 20 ปีขึ้นไปเรื่องไหนที่ประทับใจ โอเคมะ

ตั้งทู้ดักแก่อีกแล้ว การ์ตูนเก่า ๆ ที่เคยได้ยินน่ะเหรอ อิอิ จัดไปเลยเคยเห็นแวบ ๆ ในร้านหนังสือเก่านานมากละ เนื้อเรื่องเป็นไงไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าเรื่องนี้เก่ามั่ก ๆ

หน้ากากแสงจันทร์ผมเคยอ่านจนจบด้วยแหละ ตอนเด็กๆนะ ตอนนั้นมันก็เก่าหละนะ 555555 ส่วนผมคงต้องสองเรื่องที่ดูไม่จบจริงๆ

โอ้วมายก็อด สองเรื่องข้างบนนี่รุ่นดึกของแท้ ต้อง 40 เท่านั้นครับ

ผมเรียนศิลปะมาน่ะครับ เเล้วเกี่ยวอะไร เอ่อคือจะบอกว่า ไม่รู้ว่าหลายคนจะรู้หรือยัง เเต่ผมขอบอกอีกทีละกันครับ เป็นความภูมิใจลึกๆ ของชาติเราครับ อนิเมชั่น หรือ ที่เป็นการ์ตูน ภาพเคลื่อนไหว ที่ทุกคนรู้จักกันนั้น หากพูดถึงทุกคนมักจะคิดถึงญี่ปุ่นว่าเป็นต้นำรับ เเต่มันไม่ใช่น่ะครับ ต้นตำรับคือคนไทย หลายท่านอาจไม่เชื่อ เเต่เท่าที่ผมรู้ประวัติมาคือ ผู้ที่สร้างสรรค์อนิเมชั่นไทยก่อนญี่ปุ่น คือคนนี้ครับ ชื่อของท่านคือ อ.ปยุต เงากระจ่าง หรืออีกฉายาหนึ่งคือ วอลดีสนีย์เมืองไทยครับ ผมขอข้ามประวัติท่านไปนะครับ ใครอยากอ่านต่อลองเข้ากูเกิลดูครับ ผมเคยมีโอกาสตามพ่อผมไปนั่งฟังพ่อกับอาจารย์เขาคุยกันครับตอนนั้นผมเด็กมาก ป.4 ป.5 มั้ง พ่อผมเป็นครูที่สอนศิลปะ เเละก็เคยเขียนการ์ตูนเเต่เลิกไปเขียนไปเเล้ว ไม่ได้ดังอะไรมากหรอกครับ บอกชื่อไปใครก็คงไม่รู้จักหรอกเพราะพ่อผมเคยเขียนการ์ตูนเล่มละ บาท -*- เเต่ปัจจุบันไม่ได้เขียนเเล้ว เพราะงานสอนเด็กที่โรงเรียนก็หนักพออยู่เเล้ว ผมจะขอพูดถึงการทำงานของท่านคร่าวๆนะครับ อนิเมชั่นเรื่องเเรกที่สร้างโดย อ.ปยุต คือตั้งชื่อ เหตุมหัศจรรย์ เป็นภาพยนตร์การ์ตูน ขนาดสั้น ความยาว 12 นาที .นำออกฉายเป็น รายการพิเศษสำหรับสื่อมวลชนและผู้ชมเฉพาะ ที่โรงภาพยนตร์ ศาลาเฉลิมไทย เมื่อ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 หากคิดเป็น ค.ศก็ราวๆ 1955(ก่อนเรื่องของ อะตอม เจ้่าหนูปรมนู ของปรมาจารย์การตูนญี่ปุ่นเท็ตซึกะโอซามุอีก) เรื่องต่อมาภาพยนตร์การ์ตูน 20 นาที อีก 2 เรื่อง ได้แก่ หนุมานเผชิญภัย (ครั้งใหม่) (2500) ของสำนักข่าวสารอเมริกัน และ เด็กกับหมี (2503) ขององค์การ สปอ. เเละที่โด่งดังที่สุด พ่อผมเคยเล่าว่าไปนั่งดูหนังขายยาเเละชอบเรื่องนี้มาก ทำให้อยากเรียนศิลปะขึ้นมา นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตพ่อผม จนเริ่มหัดเขียนการ์ตูน หนังเรื่องนั้นคือหนังการ์ตูนขนาดยาวเรื่องแรกของประเทศไทย เรื่อง \\\\\\\"สุดสาคร\\\\\\\" โดยมีลูกมือผู้ช่วยในการทำงานสร้างคือ นันทนา เงากระจ่าง บุตรสาวซึ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยศิลปากร และแสดงหนังเรื่องแผลเก่า ของเชิด ทรงศรี ในขณะนั้นด้วย ด้วยข้อจำกัดทางการเงินทุนและการสนับสนุน ทำให้การสร้าง สุดสาคร เป็นไปด้วยความยากลำบาก ซ้ำร้าย ปยุต ยังต้องเสียดวงตาข้างซ้าย จากการตรากตรำตลอดเวลากว่า 2 ปี จนกระทั่ง สุดสาครภาพยนตร์การ์ตูน ขนาดยาวเรื่องแรกและ เรื่องเดียวของไทยออกฉาย ในเดือน เมษายน พ.ศ. 2522 เนื่องจากสมัยก่อนการจะทำอนิเมชั่นให้ตัวการตูนสักตัวเคลื่อนไหวก็ต้องเขียนภาพซ้ำๆเเล้วค่อยๆ เปลี่ยน ท่าทางไปเรื่อยๆ กว่าจะขยับได้1ท่าก็กินไป กี่100 เเผ่นเเล้วล่ะ ปยุตเคยเสนอโครงการที่สร้างภาพยนตร์การ์ตูนไทย ไปยังที่ต่าง ๆ แต่ก็มักจะได้รับการปฏิเสธในเชิงที่ว่า \\\\\\\"..ตัวการ์ตูนไม่ต้องกิน ทำไมถึงแพง อย่างนี้จ้างคนเล่นไม่ดีกว่าหรือ...\\\\\\\" หลังจากเรื่องสุดสาคร ปยุต ก็ไม่ได้ทำหนังการ์ตูนจนกระทั่งปี พ.ศ. 2535 เขาได้รับการว่าจ้าง JOICEP FILM ประเทศญี่ปุ่น ให้สร้างภาพยนตร์ เพื่อการศึกษาสำหรับสตรีเรื่อง ชัยชนะของสาวน้อย (My Way) ผมจำได้ดีตอนที่ผมไปนั่งฟังท่านคุยกับพ่อผมที่บ้านของท่านในซอยลาดพร้าว ท่านพูดด้วยเสียงอันน่าน้อยใจประมาณว่า ประเทศของเราผลิตการ์ตูนได้ก่อนญี่ปุ่นเเต่ติดเรื่องของคนภายในประเทศไม่สนับสนุน เหตุที่วงการอนิเมชั่นของต่างชาติ เเละญี่ปุ่นเจริญกว่าเพราะ คนในชาติเขาเคารพในความสามารถของคนในชาติด้วยกัน สนับสนุน ผลักดันกัน มันน่าเสียดายที่ชาติไทยเราเริ่มก่อนเขาเเท้ๆ เเต่คนในชาติกลับมองข้าม ดูถูก คนชาติเดียวกันเอง เพราะมองเเค่ด้านเดียวว่าการ์ตูนเป็นเรื่องไร้สาระ คิดทีไรมันก็จุกอกทุกที ปัจจุบันนี้ท่านได้ลาจากโลกอันบูดๆเบี้ยวๆนี้ไปเเล้ว เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ขณะมีอายุได้ 81 ปี ขออภัยที่มาดราม่าในกระทู้นี้ เเต่ผมอยากเเสดงให้หลายๆคนให้ภูมิใจว่า อื้ม ชาติเราก็เจ๋งเหมือนกันนะ เพียงเเต่ตอนนั้น คนใหญ่คนโตในชาติเรากลับมองข้ามสิ่งดีๆไป ไม่เเน่ถ้าตอนนั้น มีการสนับสนุนกัน ตอนนี้ชาติไทยเราอาจเป็นชาติที่ผลิตอนิเมชั่นเรื่องยาวได้ไม่เเพ้ญี่ปุ่นเลยทีเดียวครับ เเถมท้าย อนิเมชั่นเรื่องยาว สุดสาคร ที่เป็นตำนานการตูนอนิเมชั่นไทยเรื่องยาว เรื่องเเรกเเละเรื่องเดียวของคนไทยที่ใช้มือสร้างล้วนๆ (ฟังดูหดหู่เเละยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน เรื่องเเรกเเละเรื่องเดียว เฮ้อ) ข้อมูลบางส่วนจาก วิกิพีเดียครับ

ในที่สุด พี่แมว ก็ยอมรับว่าแก่แล้ว 555 ของผมก็มีบ้าง 1. คิวทาโร่ 2. ลามู 3. เคนอิจิลูกหมาป่า 4. ไซบอร์ก 009 5. ฮาโตริ 6. Professional Golfer Saru 7. Marvellous Melmo 8. เทวดาหน้าเป็น 9. ค้างคาวทอง 10. อันปังแมน 11. What si michael ? 12. Lu pin III

พี่อู๋มาเต็มเหมาทุกเรื่องที่พอจะรู้จัก 555 เคยอ่านลูเเปงอยู่ สาวๆของลูเเปงอะหื๊อ เจ๋งกว่า สาวของเจมส์ บอนด์อีก

โอโห แต่ละเรื่องถูกใจทั้งนั้นเลย

ไปขุดมาเพิ่มเติม (ต้องขออภัยที่หามาได้แต่รูปภาพ ส่วนเนื้อหาของแต่ละเรื่องคงต้องถามผู้ตั้งกระทู้นี้แล้ว) อีกเรื่อง และ สุดท้าย

barbapapa ผมไปเจอดีวีดีที่เซ็นทรัลพระราม 3 เลยซื้อเก็บไว้ครับ เป็นการ์ตูนที่ชอบมากตอนอนุบาล แต่ไม่รู้ว่ามันจะมาฉายเมื่อไหร่บ้าง (คือบางทีก็มี บางวันก็ไม่มี) เสียดายที่แผ่นดันมีปัญหาไป 1 แผ่น กับไม่มีเสียงไทย พอเปิด เด็กนักเรียนบางคนเลยไม่ยอมดู