ทั้ง PES 2011 และ Fifa 2012 ระบบสามมิติทะลุจออาจเปิดดูตอนไตเติ้ล ดูสนามแข่ง ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ แต่พอถึงเวลาลงสนามเล่นจริง ผมเชื่อว่าทุกคนที่เป็นคอวินนิ่งล้วนปิดทิ้งครับ เพราะมันดูยากมาก ปวดตา เป็นระบบส่วนเกินสำหรับเกมฟุตบอลเลยครับ
5) โหมดการเล่นที่มีในเกม
โหมดหลักๆโดยทั่วไปเหมือนกันแทบจะทุกๆเกมฟุตบอล ขอข้ามไปล่ะกันนะครับ มาดูที่พวกเกมอื่นๆไม่มีดีกว่า เท่าที่ลองเล่นดู ฟีฟ่ามี Tournament ให้แข่งขันเยอะกว่าวินนิ่งครับ เรียกได้ว่าจำนวนที่มีให้เลือกอัตรา 60 ต่อ 1 เลยอ่ะ คิดดูสิครับ (วินนิ่งมีแค่โหมดยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก) แต่ถึงจะมีจำนวนมากก็คงไม่ได้เล่นจนครบ หลักๆก็คงเล่นแค่ลีคบอลดังๆเท่านั้นล่ะครับ ฟีฟ่ามีโหมด Training มาให้ฝึกซ้อมซึ่ง PES 2011 ไม่มี (เวอร์ชั่น psp มีโหมดฝึกซ้อมและมีโหมดอื่นๆให้เลือกเยอะกว่า 3DS นะ) และฟีฟ่าแถมโหมด Street 5 On 5 มาให้เล่นด้วย แต่มุมมองการเล่นแนะนำให้ปรับมุมกล้องเป็นมองแนวตั้งดีกว่าครับ (ประตูอยู่บนล่างของจอ)
6) อื่นๆ
PES 2011 เป็นปกสามมิติน่าสะสม ส่วน Fifa 2012 มีสติ๊กเกอร์เลเซอร์ลิขสิทธิ์ฟีฟ่าแปะที่กล่อง
PES 2011 ให้คะแนนรีวิวใน eshop ได้ แต่ Fifa 2012 ทำไม่ได้ (น่าจะเป็นแค่เกมเดียวที่ให้คะแนนใน eshop ไม่ได้)
PES 2011 เป็นเมนูให้กดเซฟ แต่ Fifa 2012 กดปุ่มก็เซฟได้เลย
PES 2011 มีระบบสตรีทพาส แต่ Fifa 2012 ไม่มี
PES 2011 ใช้อนาล็อคบังคับหรือดีแพดก็ได้ แต่ Fifa 2012 ใช้อนาล็อคบังคับเป็นหลัก
PES 2011 นักเตะมีฟิต-ไม่ฟิต แต่ Fifa 2012 นักเตะฟิตตลอดเวลา
PES 2011 และ Fifa 2012 ยังไม่สามารถออนไลน์แข่งกับเพื่อนผ่านไวไฟได้
สรุป
Fifa 2012 เป็นเกมที่ดีกว่า PES 2011 ในแทบจะทุกๆด้าน แต่ด้านที่เป็นรองก็คือความเร็วและเกมเพลย์ที่วินนิ่งก็ยังคงเป็นวินนิ่งอยู่เช่นเดิม ผมมองว่าถ้าคุณต้องการเกมฟุตบอลที่ดี แนะนำให้เลือก Fifa 2012 แต่ถ้าคุณชอบเล่นวินนิ่งเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้เล่น PES 2011 ครับ แต่ถ้ายังลังเลทั้งสองเกมอยู่อีก ผมแนะนำให้รอ PES 2012 ไปเลยครับ คงได้ฟาดแข้งเร็วๆนี้ล่ะครับ