เรื่องจริงไม่ได้ใส่สีตีไข่เป็ดผสมนม ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยเชื่อนักแต่แล้วมันก็เป็นจริงไปอ่านได้เลย จากข่าวที่เราคงจะเห็นในโทรทัศน์กันไปบ้างแล้ว สำหรับการปล่อยยานสำรวจดาวศุกร์ของญี่ปุ่นชื่อ Akatsuki โดยเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็สามารถส่งยานขึ้นไปสู่อวกาศได้สำเร็จ ซึ่งการส่งยานขึ้นไปสำรวจอวกาศครั้งนี้ดูท่าจะไม่ธรรมดาแบบทุกครั้งเสียแล้ว เพราะครั้งนี้บนยานที่ถูกปล่อยขึ้นไปนั้นมีหนู Miku ของเราขึ้นไปด้วย! ถอยหลังกันไปเมื่อปีก่อนเมื่อองค์กรสำรวจการบินอวกาศญี่ปุ่น(JAXA) มีไอเดียที่อยากจะให้กลุ่มบุคคลที่มีสมาชิกมากกว่า 100 คนขึ้นไป ได้ส่งภาพวาดของกลุ่มตัวเองขึ้นไปกับยานได้ด้วย และเรื่องนี้ก็ได้ยินไปถึงแฟนของหนู Miku คนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า @chodenzi ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยอยากส่งหนู Miku ไปนอกโลกกับจรวด และได้ไปเข้าร่วมอิเวนท์ XPRS ที่ทะเลทราย Arizona เมื่อเดือนกันยายนปีก่อน ในนามกลุ่ม SOMESAT นั่นเอง ภาพการปล่อยยาน Akatsuki เวลา 6.58 น. วันที่ 21 พฤษภาคม 2010 เมื่อเห็นดังนั้นศาสตราจารย์ Seiichi Sakamoto ผู้ดูแลด้านสื่อสารมวลชน จึงได้ยื่นข้อเสนอว่าหาก @chodenzi สามารถรวบรวมรายชื่อคนที่เห็นด้วยมาได้ 10,000 คน เขาก็จะอนุญาตให้รูปของหนู Miku ได้อยู่ใน 1 จาก 100 แผ่นอลมิเนียมขนาด 8×12 ซม. ที่จะส่งขึ้นไปกับยาน Akatsuki ที่ว่านี้ด้วย และนั่นก็เป็นที่มาของโครงการ “Send Miku to Venus” ซึ่งเป็นการล่ารายชื่อของผู้ที่อยากให้หนู Miku ได้ขึ้นไปกับยานลำนี้จากทั่วโลก(จริงๆ นะ) เป้าหมายคือ 10,000 คน(เริ่มจากประมาณวันที่ 15 ธันวาคม 2009) โดยมีกำหนดเส้นตายคือ 25 ธันวาคม 2009(ตอนหลังเลื่อนมาเป็นวันที่ 5 มกราคม 2010) แต่รายชื่อก็ได้ทะลุเป้าจำนวน 10,000 คนไปในที่สุด เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมทำให้หนู Miku ได้ไปนอกโลกรวมถึงแฟนๆ ต่างก็สมหวัง! ทั้งนี้รายชื่อดังกล่าวก็ปิดลงด้วยจำนวนคนที่มาลงชื่อกว่า 14,000 คนเลยทีเดียว และนี่ก็คือโฉมหน้าของแผ่นอลูมิเนียมที่ได้ขึ้นไปกับยาน Akatsuki ซึ่งทาง JAXA สุดท้ายก็ได้ยอมส่งขึ้นไปด้วยกัน 3 ภาพ ซึ่งได้มาจากการประกวดในเว็บไซต์ Piapro ของ Crypton นั่นเอง ส่งท้ายกันด้วยวิดิโอของโครงการ Send miku to Venus และก็ยินดีกับหนู Miku เธอด้วยที่ได้ออกไปนอกโลกเน้อ! เพลงเต็มชื่อ Escape ( ติดเซอร์วิสหน่อย โปรดพิจารณานะ ) แม่หนูต้นหอมโกอินเตอร์มากกกกกก งานนี้ เครดิตข่าว http://akibatan.com/

อาซูกะจัง คาวาอี ที่สุด

อะไรจะคลั่งรังไข่ได้ขนาดนั้น

อ้างอิงจาก : jackassman วันที่ : 2010-05-25 15:33 อะไรจะคลั่งรังไข่ได้ขนาดนั้น ญี่ปุ่นมันเวอร์ก็เวอร์ได้ใจมาก จนตอนนี้เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีไปแล้ว เพราะความเวอร์นี้แหละ คนต้องรู้จักแต่ต่าง ไม่เหมือนบ้านเรา ขนาดการ์ตูนเด็กดียัง เซ็นเซอร์ เหอ ๆ

บอกช้าไปหน่อย ไม่งั้นเราจะขอติดหนังสือเกมแม็กส่งไปดาวศุกร์ด้วยคน