REVIEW : Metal Gear Solid V:Ground Zeroes โดย dachie123 (Mar 2014) PS3 Version Metal Gear Solid แฟนชายที่เรียกได้ว่าเป็นเกมเทพที่สุดในด้านของเกมเพลย์โดยขาโหดอย่าง Hideo Kojima เฮียโคชิมะผู้ที่สรรสร้าง กำกับ ดำเนินเขียนพอร์ตเนื้อเรื่องเองด้วย แต่ผมก็ขอมั่นใจว่า เป็นเกมที่คิดว่าสนุกแน่นอนแต่จะเป็นอย่างไรไปชมรีวิวกัน [Story of Ground Zero is Prologue] Metal Gear Solid V:Ground Zeroes เหมือนเป็นตัวต้น Prologue และเป็นภาคต่อภาค The Phantom Pain หลังจากที่ได้จัดตั้งฐานทัพไร้สังกัด(Peace Walker)ขึ้นซึ่งเป็นรอยต่อของภาค 5 ในช่วงปี 1975 โดยในภารกิจหลักของ Ground Zeroes คือช่วย Chico และ Paz ที่ฐานทัพอเมริกา โดยการกลับมาของ Big Boss (Naked Snake) หน่วย FOX ซึ่งจะปะทะกับ Skull Face แกนนำหลักหน่วย XOF เนื้อเรื่องน่าจะเข้มข้นแน่นอนในภาค The Phantom Pain ที่ลุงสเน็คตื่นจากอาการโคม่าระยะเวลา 9 ปี [Gameplay] เกมเพลย์ของภาค 5 นี้เปลี่ยนไปค่อนข้างมากโดยเปลี่ยนจากการทำภารกิจเป็นในฐานทัพเป็นฉากๆกลายเป็นฐานทัพ ที่ใหญ่โตและกว้างอิสระในการเล่นหรือเรียกกันง่ายๆว่า Open World ซึงตัวเกมจะบอกแค่ภารกิจหลักให้เราได้ทำ แต่ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วว่าจะทำอะไรก่อนก็แล้วแต่สไตล์การเล่นของแต่ละคน ในการแทรกซึมเข้าไปในฐานทัพศัตรู ตัวเกมค่อนข้างไหลลื่นในด้านของตัวละครลุงสเน็คที่มีความพริ้วไหวไปซะหมดตั้งแต่ วิ่ง มอบ คลาน กระโดดหลบแบบโผว่ การใช้ CQC ต่างๆที่มี่ดูสุดยอดมากกว่าเดิม เช่น การกระฉากปืนศัตรูมาแล้วก็ยิงใส่ได้ การวิ่งเข้าไปชนแล้วทำการทุ่มเป็นต้น และการลอบสังหารแบบ CQC คือการเดินเข้าไปจับเพื่อสอบถามข้อมูลศัตรู หรือการให้เพื่อนศัตรูมาหา หรือจะจัดการด้วยมีดและจับเป็นตัวประกัน การหลบที่กำบังในภาคนี้ค่อนข้างสมจริงมาก ซึ่งเมื่อเราเดินไปใกล้ๆที่กำบังก็จะทำการบังให้ทันทีและก็สามารถส่องดูศัตรู แบบแอบๆ เล็งปืนที่กำบังหรือกระโดดข้าม ด้านของตัวเกมใส่การปีนที่สูงเข้าไปทำให้ปีนถัง ปีนขึ้นหลังคาได้หลากหลาย แถมยังสามารถกระโดดไปอีกฝั่งนึงได้อีกด้วย การเล็งศัตรูในภาคนี้ก็เช่นเคยมีการเล็งแบบบุคคลที่สามและบุคคลที่ 1 โดย ภาคนี้เหมือนกับว่าจะง่ายกว่าภาคก่อนๆด้วยนะในความคิดผม ในการตรวจสอบสถานะของศัตรูจะใช้อุปกรณ์กล้องส่องของลุงแก หาศัตรูแล้วก็จะทำการจับการเคลื่อนที่ไว้ของศัตรูไว้ เพื่อทำการหลบหลีกหรือจัดการได้ แต่ก็จะมีช่วงจังหวะปะทะที่อยู่ดีๆจะเจอศัตรูซึ่งๆหน้า จะมีช่วง Reflex Mode หรือช่วงเสี่ยง เป็นเสี่ยงตายจะเป็นการสโลเวลาให้ช้าลงเพื่อทำการจัดการศัตรูในชั่วพริบตาดี ศพของศัตรูสามารถแบกอุ้มและทิ้งได้ โยนทิ้งก็ได้ สามารถวิ่งในขณะแบกคนได้อยู่บนบ่าได้เพื่อช่วยในการหลบหนีได้ ด้านของช่วง Alert ค่อนข้างโหดพอควร เพราะ ศัตรูจะถาโถมเข้ามาหาเราแบบเยอะมาก โดยมีการประสานงานกันค่อนข้างดี ในช่วง Alert ควรจะไปหาที่หลบหรือกำบังไว้ ด้านของศัตรูจะเน้นสอบหาโดยการเปิดไฟฉายส่องดูบ้างละ ซึ่งจะมีตัวเว้าๆ ค่อยบอกว่าศัตรูๆ กำลังจะเห็นเราอีกในไม่ช้าแต่พอเจอหน้ากันก็จะเกิดเป็นภาวะ Reflex Mode อยู่ดี ภาคนี้ยังเสริมการขับยานพาหนะต่างๆ ได้หลากหลาย ทั้งรถจิ๊ป รถถัง ต่างๆ นอกจากขับแล้วยังสามารถ ด้านของฟังก์ชั่นอาวุธในตัวเกมค่อนข้างเปลี่ยนไปมาก จากเดิมที่จะมีช่วงเวลาหยุดในการเลือกอาวุธเป็นแบบ Real time กดแบบไวๆ โดยมีคีย์ลัดอยู่แต่ก็ยังสามารถแบกอุปกรณ์ได้เยอะอยู่แต่กลับกันอาวุธจำพวกปืนกลับแบกได้อย่างละอันเท่านั้น [Mission] นอกจากภารกิจหลัก Ground Zeros แล้ว ยังมี Side Operation ซึ่งเป็น ภารกิจย่อยๆ ในการจัดการศัตรูตอนกลางวัน และภารกิจอื่นๆที่เป็นย่อยโดยไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องเลยนะครับ อย่าตกใจว่าซื้อภาคนี้มาแล้วจะได้เล่นแค่ Prologue ของภาค 5 เท่านั้น แต่ฉากทุกภารกิจจะเป็นฉากของ ฐานทัพอเมริกาที่เล่นในเนื้อเรื่องหลักเกือบทั้งหมด ยังมีภารกิจ Exclusive บน PS3และ Xbox ที่ต่างกันอีกด้วย ตอนนี้ยังโหลดไม่ได้ เพราะ ตัวเกมจริงยังไม่ออกเลย แต่ร้านในไทยมีขายแผ่นเต็มเลย [Map/Guard] ด้านของฉากค่อนข้างแคบไปนะสำหรับผม โดยเฮีย โคชิมะบอกว่า The Phantom Pain จะใหญ่กว่านี้เกือบหลายเท่า ซึ่งแน่นอนว่าแต่ด้านของฉากในภาค Ground Zeroes ค่อนข้างแคบไปนะสำหรับผม มันเหมือนจำกัดด้านความอิสระไป มากเลย ด้านของทหารนี้ค่อนข้างฉลาดบ้างช่วงบางตอน โดยพวกที่ส่องแสงไฟด้านบนนั้นจะจับตาเราได้ไวมาก [Voice Radio] ตัวระบบ CODEX ออกไปเช่นเคยเหมือนกับว่าในภาคต่อน่าจะมีนะครับแต่ด้านของ Radio ก็จะเน้นไปที่การพูดถึง Mission ซะส่วนใหญ่แต่จะเป็นแบบ Real Time โดยเราสามารถสอบถามได้ตลอดว่าจะทำอย่างไร แต่ด้านของเสียงพากย์ก็ยังคงสุดยอดเช่นเคยโดยในภาคนี้เปลี่ยนคนพากย์ลุงสเน็คจาก David hayter เป็น Kiefer Sutherland แต่ถ้าจริงๆก็คิดว่า David น่าจะพากย์ในภาคนี้นะผมว่าน่าจะสนุกมากแน่เลย [Graphic/Soundtrack/Introduction] ด้านของภาพกราฟฟิกเรียกว่าล้ำเส้นมากไปแล้ว สำหรับภาค 5 ผมว่าด้านการใช้ FOX engine พัฒนาในภาคนี้นั้น ถือว่าสุดยอดว่า ตั้งแต่ฉาก ยันตัวละคร ด้านของตัวละครที่ค้อนข้างสมจริงมาก ความเปียกชื้นของตัวละครที่มีความมัน ๆเงาๆ เวลาฝนตก ด้านขององค์ประกอบต่างๆค่อนข้างสมจริงมาก แต่กลับกันทำให้ด้านของเฟรมเรตของเครื่องเพลย์ 3 ก็กระตุกไปบางช่วงบางตอนนะครับ แสงเงาในเกมก็ถือว่ายอดเยี่ยมดูมีมิติมาก ช่วงฝนที่ตก รอยน้ำที่ตกก็ค่อนข้างสมจริง ด้านของการเคลื่อนไหวตัวละครก็สมจริงเลยการเคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติมาก เพลงประกอบก็ค่อนข้างเยี่ยมมาก มีความเป็นไดนามิกสุดล้ำในช่วงสถานะต่างๆเพลงประกอบก็จะต่างกันออกไป เช่น สถานะศัตรูกำลังหาตัวเรา ช่วง Alert ที่ต่างกันออกไปอีกด้วย โดยการดำเนินเนื้อเรื่องก็จะเป็นมุมกล้องอารมณ์เหมือนเราชมภาพยนตร์จริงๆ ด้านของการดำเนินเนื้อเรื่องดีมากแต่ก็ยังไม่ถึงกับสุดเพราะมันแค่เกริ่นนำเนื้อเรื่องนั้นเอง แต่ด้านของมุมกล้องที่ค่อยๆ เลื่อนไปๆมาๆทำให้เห็นอารมณ์ของทหารแต่ละนาย และกราฟฟิกขั้นเทพของ FOX engine ก็ถือว่าทำให้เราตืนตาไปอีกแบบผสมผสานกับเพลงประกอบที่สุดยอด ส่วนใหญ่การดำเนินเรื่องจะเป็นแบบคัทซีนตามสไตล์ เดิมและสามารถซูมมุมกล้องไปที่ไหนก็ได้อีกด้วย [Verdict] สรุปแล้วในภาคเกริ่นนำอย่าง Ground Zeroes เราก็ยังสนุกไปกับมันได้ โดยส่วนตัวผมว่ามันเพลินดีนะสำหรับผู้ที่ชอบ แนว Open World แต่กลับกันพอมาดูจริงๆแล้ว ฉากกับเล็กไปหน่อยนึง ด้านของเกมเพลย์นี้ก็บอกเลยว่าครบครันเราสามารถ เลือกทำสิ่งใดก่อนก็ได้แต่ก็สามารถทำให้ภารกิจเสร็จได้ตามความคิดตัวเราเอง ตัวเกมเพลย์ที่ท้าทายผู้เล่นให้เข้าแทรกซึม ในฐานทัพโดยไม่ให้ศัตรูจับได้นั้นยากกว่าที่คิด นอกจากเนื้อเรื่องหลักแล้วยังมีภารกิจเสริมที่ยังท้าทายผู้เล่นต่ออีกด้วย แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆก็เล่นรอ The Phantom Pain ออกนั้นแล ก็หยิบมาเล่นสนุกได้เรื่อยๆครับ กระรันตีแถมแผ่นก็ไม่แพงมาก (This Game likes Prologue Movie) (9/10) บทความรีวิวโดย dachie123 ทำไม 9 หักด้านของฉากที่แคบไปยังเปิดให้บริการไม่ทั่วถึงรอเล่นจริง The Phantom Pain ขอบคุณที่อ่านมาถึงจุดนี้ มันเป็นเกมที่ผมเล่นมาทุกภาคเลยรีวิวแบบจัดเต็มหน่อย แต่ยังไงก็ขอบคุณครับที่อ่านและช่วยคอมเม้นทิ้งท้ายไว้สักนิดก็ยังดีนะครับ ไว้เจอกันเกมหน้า MUSIC AUTO PLAY |