\"ลูกปลา\"เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากอโศก-ดินแดง เรื่อง ภูตผีปีศาจเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันมาช้านานแล้วว่ามีจริงหรือไม่? แม้ว่าปัจจุบันนี้โลกเราจะก้าวเข้าสู่ความเจริญทางวัตถุสุดขีด ชนิดที่คนสมัยก่อนมาเห็นเข้าแทบจะไม่ยอมเชื่อสายตาตัวเอง หรือไม่ก็ช็อกตายไปแล้ว แต่ความเชื่อถือในสิ่งเร้นลับต่างๆ ที่ยังพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ก็ยังไม่หมดสิ้นไปจากจิตใจผู้คนส่วนมากหรอกค่ะ..โดยเฉพาะเรื่องผี หรือวิญญาณ! มีผู้กล่าวว่า พลังจิตของคนเรามีอำนาจแรงกล้าเพียงใด พลังของวิญญาณก็มีฤทธิ์เดชแรงกล้าเพียงนั้น โดยเฉพาะวิญญาณที่เจ็บปวด ทนทุกข์ทรมาน หรือเคียดแค้น อาฆาตมาดร้ายอย่างรุนแรงก่อนที่ชีวิตจะหลุดลอยออกจากร่าง ก็ย่อมจะมีอำนาจเพิ่มขึ้นจนน่าขนพอสยองเกล้าเกินกว่าจินตนาการได้ ดิฉันมีประสบการณ์น่าขนหัวลุกเรื่องวิญญาณผีตายโหงมาเล่าสู่กันฟังค่ะ สมัย เด็กดิฉันอยู่กับพ่อแม่ที่ดินแดงนี่เอง ย่านนั้นมีตึกรามบ้านเรือนคับคั่ง ถ้าจะมีอะไรก็น่ากลัวก็คือคนร้าย เพราะมีคนแปลกหน้ามากมายที่เราไม่รู้จัก มาจากที่ไหนบ้างก็ไม่มีทางรู้หรอกนะคะ..มีเรื่องฉกชิงวิ่งราวและลักทรัพย์ ประเภทตัดช่องย่องเบามีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าใครจะระมัดระวัง ไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาทแค่ไหน.. แต่ก็อุตส่าห์มีคนเล่าว่าผีดุ ค่ะ! ตั้งแต่สามเหลี่ยมดินแดง โบสถ์แม่พระ ไม่ถึงถนนรัชดาภิเษก ล้วนแต่ผีดุทั้งนั้น ถนน รัชดาหรือที่เราเรียกกันว่าถนนตัดใหม่ สมัยนั้นรถรายังไม่คับคั่งนัก ทำให้เร่งความเร็วกันเต็มที่ อุบัติเหตุก็พลอยเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ละครั้งก็มักจะรุนแรงตามความเร็ว จนบาดเจ็บล้มตายกันมาก เห็นในข่าวทีวีแล้วน่าสยองที่สุด แถวถนนใหญ่ ปากซอยก็มีรถชนกันบ่อยๆ ค่ะ ส่วนมากมักเป็นมอเตอร์ไซค์ที่แล่นพรวดพราดออกไป รถทางตรงเบรกไม่ทันก็ชนโครม เขาว่ากระเด็นหวือไปไกลเหมือนเหาะได้..ตกลงมาตายคาที่ คนที่เคราะห์ร้ายเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนเสียชีวิต ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในย่านนั้นแหละค่ะ มีทั้งวัยรุ่นและคนเมาที่ซิ่งรถตอนมืดค่ำจนถึงดึกๆ ดื่นๆ เพราะกฎหมายยังไม่เข้มงวดเรื่อง \"เมาไม่ขับ\" เหมือนสมัยนี้นี่คะ เขาว่าผีดุๆ ก็เพราะมีคนโดนผีหลอกบ่อยๆ แถวหน้าบ้านเรานี่เอง! ก่อน นั้นดิฉันก็ได้ยินแต่เขาเล่าว่า! ยังไม่เคยรู้จักคนที่ตายแล้วกลายมาเป็นผีที่คอยหลอกหลอนคนแถวนั้น จนกระทั่งรายล่าสุดชื่อพี่โจ้ เรียนอาชีวะปีสุดท้าย ได้ข่าวว่าชอบไปซิ่งรถกับเขาคืนวันศุกร์วันเสาร์เป็นประจำ วันหนึ่ง ก็ได้ข่าวว่าเกิดอุบัติเหตุที่ปากซอยบ้าน พี่โจ้บึ่งรถจากถนนซูเปอร์ไฮเวย์เลี้ยวซ้ายมา..รถกระบะคันหนึ่งโผล่พรวดออก จากซอย พี่โจ้คงเบรกไม่ทันหรือหลบไม่พ้น ชนโครมครามดังเหมือนฟ้าผ่า รถกระบะคันนั้นก็เร่งความเร็วหลบหนีไปโดยไม่ยอมลงมาช่วยเหลือ พี่โจ้ คอหัก กะโหลกแตก กระดูกแทบจะหักป่นไปทั้งตัว! ไม่ ช้าก็ลือกันกระหึ่ม ว่าวิญญาณผีตายโหงเฮี้ยนหนัก เพราะจิตใจคงหมกมุ่นแต่จะกลับบ้าน วิญญาณไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่มีร่างกายอีกแล้ว แต่กลายเป็นพลังลี้ลับแต่น่าสยดสยองสิ้นดีสำหรับผู้พบเห็น..พี่โจ้ยังคิดแต่ จะมุ่งหน้ากลับบ้านอยู่เลยค่ะ!! ตาเมินกับลุงเอียด คอเหล้าขาประจำร้านกลางซอย เล่าว่ากำลังนั่งคุยโม้กันอยู่หน้าร้านราวสามทุ่มกว่าๆ คิดว่าหมดแก้วก็จะให้คิดเงินอยู่แล้ว พอดีได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ดังแว่วมาจากปากซอย..รู้สึกเสียงคุ้นหูยังไงชอบ กลก็เลยหันไปมองพร้อมๆ กัน ภาพที่เห็นทำให้นั่งตัวแข็งทื่อเหมือนถูก สาป ปากอ้าค้าง ใบหน้าชาเห่อจนไม่รู้สึกรู้สา แต่ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว นั่น คือ..พี่โจ้กำลังนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ขับผ่านไปช้าๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่น..ครั้นได้สติ ตาเมินกับลุงเอียดก็กระโดดผลุง แผดร้องจนอาโกเจ้าของร้านหันขวับมามอง พอได้ยินเสียงร้องซ้ำๆ ซากๆ ว่า..ผีไอ้โจ้ๆๆ อาโกก็พลอยเข่าอ่อนไปอีกคน ป้านวลกับลูกสาวชื่อพี่ หน่อยไปงานสวดศพญาติ ขากลับอุตส่าห์นั่งตุ๊กตุ๊ก มาก็ไม่วายเจอภาพสยองขวัญเข้าจนได้ เพิ่ง จะเข้าซอยมาหยกๆ ได้ยินรถมอเตอร์ไซค์ข้างหลังดังกระหึ่ม พอหันไปมองก็เห็นพี่โจ้เร่งรถมาประกบ..หันมามองช้าๆ จนเห็นใบหน้าแหลกยับชัดเจนอยู่ในแสงไฟเยือกเย็นเล่นเอาสองป้าหลานร้องวี้ด ว้าย ผวากอดกันกลม..พี่หน่อยถึงกับร้องไห้โฮออกมาอย่างสุดกลั้น ดิฉันเองก็ประสบกับภาพสยองยิ่งกว่านั้นอีกค่ะ คืน เกิดเหตุไม่ทราบว่านอนไม่หลับเพราะอะไรแน่? อาจจะได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์แล่นผ่านไปตอนดึกๆ จนสะดุ้งตื่นก็ได้..ตอนนั้นยังแยกไม่ออก หรือจำไม่ได้หรอกว่าเสียงรถของใคร แต่ที่แน่ๆ คือไม่กล้าลุกไปดู เขาว่าคนจะโดนผีหลอกน่ะทำยังไงก็หนี ไม่พ้น..คืนนั้น เราดูทีวีกันที่ห้องรับแขกชั้นล่างจนถึงสี่ทุ่มกว่า รุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ไม่ต้องรีบตื่นไปโรงเรียน แต่ดิฉันเกิดง่วงนอนขึ้นมาเลยขึ้นไปนอนก่อน..ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงรถ แล่นเข้าซอยมา ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้เดินไปมองทางหน้าต่าง ภาพที่ เห็นในแสงไฟคือ..มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเล่นช้าๆ ผ่านไป ไม่ใช่พี่โจ้..ไม่ใช่ใครทั้งนั้น..แต่เป็นรถว่างเปล่าที่แล่นไปได้โดยไม่มี คนขับ! ดิฉันกรีดร้องแทบบ้านแตก พ่อแม่วิ่งโครมครามขึ้นมา ดิฉันพูดอะไรไม่ออกได้แต่ชี้มือไปที่ถนน รถอุบาทว์คันนั้นค่อยๆ ลับตาไปอย่างเชื่องช้า..นึกถึงภาพรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีคนขับแต่แล่นผ่านไป ในแสงไฟเยือกเย็นแล้วยังขนหัวลุกอยู่เลยค่ะ! credit joom |