PON
19 ธันวาคม 2555 , 14:01:57
สวัสดีครับทุกท่าน นานๆทีเราจะมีกระทู้พาเที่ยวบ้าง ก็ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ให้อ่านละกัน อิอิ
ผมเองไม่ค่อยได้มีเวลาไปเที่ยวซักเท่ีาไร ยิ่งต่างจังหวัดนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ดังนั้นก็เลยอาศัยการเที่ยวในกทม.นี่แหละ เมืองหลวงของไทยเรานี้ยังมีของดีที่รอให้เราไปเยี่ยมชมอีกมาก ดังนั้นผมจะพาทุกคนไปเที่ยวกันครับ
สถานที่ซึ่งผมจะพาไปนี้มีด้วยกันสองแห่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน แห่งแรกคือ "วัดโพธิ์" และอีกแห่งคือ "มิวเซียมสยาม" ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลยครับ
สถานที่แรกที่เราจะไปก็คือวัดโพธิ์ หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการก็คือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถามหลวงและวัดพระแก้วเท่ีาใด เดินทางไม่ยาก มีรถเมล์ผ่านหลายสายเช่น สาย ๑ - ๓ - ๖ - ๙ - ๑๒ - ๒๕ - ๓๒ - ๔๓ - ๔๔ - ๔๗ - ๔๘ - ๕๑ - ๕๓ - ๘๒ - ๑๐๓
ที่นี่เป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ และเป็นวัดนี้นี่เองที่ปธน.โอบาม่าเพิ่งมาเยือนเมื่อเร็วๆนี้ (ขอยกข้อมูลบางส่วนมาจาก wikipedia นะครับ)
พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1-4 ยิ่งใหญ่และสวยงามมากๆ
แอดมินและซุ้มประตูทางเข้า
พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ ตั้งอยู่ถัดจากพระอุโบสถ ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว สถาปัตยกรรมบริเวณซุ้มประตูมีลักษณะเป็นไทยประยุกต์แบบจีน โดยจะมีตุ๊กตาหินจีนประดับอยู่ประตูละ 1 คู่ องค์พระเจดีนั้นเป็นแบบเจดีย์ย่อไม้สิบสอง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ
ตุ๊กตาจีน
ตัวใหญ่มากเมื่อเทียบความสูงกับคน ส่วนยักษ์วัดโพธิ์ที่คุ้นหูกันไม่ใช่ตุ๊กตาจีนเหล่านี้นะครับ ในวัดจะมียืนเฝ้าประตูหลายตัว แต่ยักษ์วัดโพธิ์ตัวจริงที่เป็นคู่ปรับกับยักษ์วัดแจ้งนั้น แท้จริงเป็นยักษ์ตัวเล็กๆถูกเก็บไว้อยู่้ในซุ้มประตู มีสองตน ตนนึงกายสีแดง และอีกตนกายสีเขียว (ภาพจาก google)
อันนี้เป็นซุ้มฤๅษีดัดตน จริงๆในวัดจะมีมากมายหลายแบบ แต่ผมถ่ายมารูปเดียวเพราะแดดร้อน+คนเยอะ (เริ่มขี้เกียจ)
เจอเจ้าเหมียวกำลังเล่นซนอยู่
แต่พอมองดูดีๆ มีแม่เจ้าเหมียวพรางตัวนอนเฝ้าลูกอย่างแนบเนียน (skill-camouflage)
เนื่องจากวันที่ผมไปเยี่ยมชมวัดโพธิ์นั้นเป็นวันอาทิตย์ ผู้คนจึงเนืองแน่นเต็มไปหมดทั้งคนไทย คนเอเชีย และคนฝรั่ง จึงไม่สามารถเดินดูให้ทั่วและเข้าไปนมัสการพระนอนได้ ผมจึงขอหยิบเอาภาพเก่าที่ผมเคยมาเยี่ยมชมที่นี่ตั้งแต่ปี 2008 ให้ได้ชมประกอบกันเพื่อความสมบูรณ์ครับ
องค์พระนอน พระพุทธไสยาส สวยงามมากๆ ตอนนั้นไปวันเสาร์ คนน้อย
พระพุทธไสยาส เป็นพระพุทธรูปที่ก่ออิฐ ถือปูน ปิดทองทั่วทั้งองค์ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ
ส่วนนี่เป็นบรรยากาศรอบนอกครับ
ขอเสริมความรู้ว่า บรรดาตุ๊กตาจีนที่ประดับประดาในวัดทั้งหลายนี้เรียกว่า \"ตุ๊กตาอับเฉา\" สมัยก่อนเขาเอาไว้ถ่วงน้ำหนักเรือขนสินค้า คือตอนขาไปจะทุกสินค้าไปส่งเมืองจีน พอจะกลับมาก็ขนพวกตุ๊กตาหินเหล่านี้มาด้วย เพื่อถ่วงน้ำหนักเรือไม่ให้เบาโหวงจนโดนคลื่นซัดโคลงเคลงนั่นเอง อายุของตุ๊กตาพวกนี้ก็เกิน 100 ปี เพราะตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 นู่นเลย
ตอนนี้เราเดินชมวัดโพธิ์จบแล้ว เดี๋ยวจะพาไปต่ออีกที่นึง ขอแวะซื้อไอติมข้างทางคลายร้อนหน่อย ถ้วยใหญ่ 30 บาท
ต่อไปเราจะพาไปเที่ยวที่มิวเซียมสยามกันครับ การเดินทางก็ไม่ยาก แค่เดินย้อนออกจากวัดโพธิ์ไปประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว วันนั้นผมแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวจากประเทศซัวเถา บรรดาแท๊กซี่สามล้อจึงชอบทักทายว่า \"ฮัลโหล้ แหว้หยู่โก้?\" ผมก็ยิ้มและตอบในใจว่้า ทีเวลา GU เรียกแท๊กซี่แถวบ้านละลีลาจัง บอกไปส่งรถบ้าง แก๊สหมดบ้าง ทีงี้ละทักทายต้อนรับเชียว
มาถึงแล้วครับมิวเซียมสยาม ชักภาพเท่ห์ๆก่อน 1 รูป
มาทำความรู้จักกับสถานที่นี้กันก่อนดีกว่า มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เข้าชมที่อยู่ในวัยเด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้รากเหง้าของชาวไทย โดยเน้นไปที่กลุ่มชนในเขตเมืองบางกอก หรือที่เรียกในปัจจุบันว่า กรุงเทพมหานคร เป็นสำคัญ ผ่านการนำเสนอด้วยสื่อผสมหลายรูปแบบ ทำให้มีความน่าสนใจ และดึงดูดใจผู้เข้าชมได้เป็นอย่างยิ่ง
อัตราค่าเข้าชมที่นี่ ปกติผู้ใหญ่จะคิดคนละ 100 บาท ส่วนนักเรียนนักศึกษาคนละ 50 บาท แต่วันที่ผมไปเผอิญว่าอยู่ในช่วงวันเฉลิมพระชนพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นเขาจึงเปิดให้เข้าชมฟรี อิอิ เราไปลุยกันเลยครับ (มีภาพบางส่วนที่ผมไม่ได้ถ่ายเอง จะนำมาจาก museumsiam.com)
การเข้าชมที่นี่จะแบ่งเป็นห้องๆ ให้เราเดินชมไปเรื่อยๆ สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้ตามใจชอบ ไม่จำกัดเวลาในการชม ตอนเข้าไปถึงห้องแรกเขาจะมีวิดีโอสั้นๆให้เราชมเกี่ยวกับเรื่องราวกำเนิดประเทศไทย
ห้องไทยแท้ เป็นห้องที่ทำให้เกิดความอยากรู้ว่าไทยแท้คืออะไร และเป็นอย่างไรจึงเรียกว่าไทยแท้
มีรถเข็นส้มตำและสามล้อให้เราเล่น สามล้อเวลาขึ้นไปนั่งจะมี sound effect เหมือนเล่นเกมตู้อาเขตด้วยนะ อิอิ
เปิดตำนานสุวรรณภูมิ
เป็นห้องที่แสดงถึงวิิวัฒนาการสังคมก่อนจะมาเป็นบรรพบุรุษชาวสุวรรณภูมิ ซึ่งมีใจความสำคัญว่า \"สุวรรณภูมิ\" คือชื่อที่ชาวโลกเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนใช้เรียกดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ทางทิศตะวันออกของอินเดีย ส่วนหนึ่งของพื้นที่แห่งนี้มีกรุงเทพฯ ที่ยังนอนสงบนิ่งอยู่ใต้ทะเล ซึ่งการศึกษาโครงกระดูก หลุมฝังศพ และอารยธรรมที่ฝังอยู่ใต้ดินทำให้รู้จักดินแดนแห่งนี้มากขึ้น
ที่นี่มีการนำเสนอด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้ผู้เข้าชมไม่เบื่อ เช่นให้เล่นปัดๆที่หน้าจอเพื่อหาโบราณวัตถุ ไม่ใช่ให้มายืนอ่านๆบนกระดานอย่้างเดียว
สุวรรณภูมิ (Suvannabhumi)
เป็นห้องที่ทำให้รู้จัก \"สุวรรณภูมิ\" รากเหง้าของประเทศไทย
กำเนิดสยามประเทศ
บอกเล่าถึงเรื่องราวตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรี
อันนี้เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ แสดงกราฟิคเส้นทางการค้าขายในสมัยนั้น และยังมีจุดให้เราเล่นมินิเกมอีกหลายแบบ เช่นเกมค้าขาย, วางแผนการรบ เพลิดเพลินและได้ความรู้ไปในตัว
สยามยุทธ์ (The War Room)
ห้องนี้เล่าเรื่องสงคราม มีฉากไดโอราม่าซึ่งผสมเอาการยิงภาพแบบกึ่งๆสามมิติมาซ้อนลงไป ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน คือข้างในจะมีตุ๊กตาและฉาก แต่ฉายภาพของคนและการยิงกระสุนที่ถ่ายทำเหมือนภาพยนตร์มาซ้อนเข้าไป
พอมาถึงห้องแปลงโฉมสยามประเทศและสีสันตะวันตก จะเริ่มสนุกสนานมากขึ้น เพราะเริ่มเข้าสู่ยุคร่วมสมัย มีอุปกรณ์และสิ่งของให้เราหยิบจับและเอามาถ่ายรูปเพียบเลย
อันนี้เป็นคาเฟ่สมัยคุณพ่อยังหนุ่ม จำลองมาให้เราได้สัมผัสกับบรรยากาศเมื่อ 40 ปีก่อน
จริงๆยังมีอีกหลายรูปแต่ผมไม่อยากเอามาลงเพราะมันเยอะเกินไป เอาเป็นว่าถ้าใครชอบการท่องเที่ยวในเมืองแบบไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้่องใช้ค่าใช้จ่ายมาก และได้ความรู้ไปในตัว ผมขอแนะนำให้มาเที่ยวทั้งสองที่นี้เลยครับ วันหลังจะมานำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในกรุงเทพมหานครกันใหม่จ้า
แถมภาพ exclusive
[spoiler] [/spoiler] |
ODIOZ
20 มกราคม 2556 , 11:03:52
มีแต่ร็อคแมน...โรลจังไปไหน? |
|