PON
15 พฤศจิกายน 2553 , 10:42:59
คุยเรื่องเกมมาเยอะแล้ว เรามาคุยเรื่องหนังในดวงใจกันบ้างครับ
หนังของผมที่ชอบนั้นมีเยอะจริงๆ เลือกยากและลำบากมาก
ผมขอเลือกเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะัมีความหลังกับมัน
เป็นหนังเรื่องแรกๆที่ผมเข้าไปดูในโรงภาพยนต์ (ตอนนั้นค่าตั๋วกี่บาทจำไม่ได้แล้ว)
-----------------------------------------------------
ID4 (Independence Day) สงครามวันดับโลก
ก่อนหน้่าที่จะมีหนังมนุษย์ต่างดาวบุกโลกที่เต็มไปด้วยสเปเชียลในยุคปัจจุบัน
คุณจำได้ไหมว่ามีหนังเรื่องนึงเคยจุดประกายและฉายไอเดียต่อยอดไปอีกมากมาย
รวมทั้งเป็นหนังแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของดาราดังอย่าง "วิล สมิธ"
ภาพยนต์เรื่องนี้เข้าฉายประมา๊ณปี พ.ศ. 2539 ขณะนั้นผมเรียนม.2 หรือ ม. 3ก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน
จำได้แต่ว่า มันเป็นหนังเรื่องแรกๆที่ผมเ้้ข้าไปดูในโรงหนัง และยืนกรานกับเพื่อนว่าถ้าไม่ soundtrack กูไม่ดู (โรคจิต)
-------------------------------------------------------
(เนื้อหาต่อไปนี้จะสปอยย่อๆ จาก wikipedia)
วันที่ 2 กรกฎาคม จู่ๆ ทั่วโลกก็เกิดโกลาหลเมื่อพบว่าสัญญานการสื่อสารถูกรบกวนทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์หรือดาวเทียม พร้อมกันนั้นก็มีผู้พบสัญญาณที่เชื่อว่ามาจากจานบินที่ กำลังมุ่งหน้ามาทางโลก
ซึ่งสัญญาณนั้นถูกส่งมาจากดวงจันทร์ โดยจากภาพถ่ายดาวเทียมปรากฏให้เห็นยานแม่เอเลี่ยนขนาด 550 กิโลเมตร
หรือ 1 ใน 4 ของดวงจันทร์ และยานแม่ได้ส่งยานลูกนับสิบๆ ลำ โดยแต่ละลำก็มีขนาดใหญ่กว่า 15 ไมล์
และกำลังเคลื่อนเข้าสู่เมืองใหญ่ทั่วโลก โดยประธานาธิบดี วิทมอร์ (บิลล์ พูลแมน)
และคณะไม่รู้จะรับมืออย่างไรกับสถานการณ์
ผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ของสถานีโทรทัศน์ เดวิด ลีวินสัน (เจฟฟ์ โกลด์บลุม) อ่านสัญญาณนั้นออกและเชื่อว่ามันเป็นสัญญาณบอกให้โจมตีโลกพร้อมกัน จึงรีบไปที่ทำเนียบขาวพร้อมกับพ่อของเขาเพื่อเตือนประธานาธิบดีก่อนจะสาย เกินไป ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ผู้กองสตีเว่น ฮิลเล่อร์ (วิลล์ สมิธ) นักบินผู้ไม่กลัวใครของกองทัพสหรัฐ ถูกเรียกตัวไปประจำหน้าที่โดยไม่ได้อยู่ร่วมฉลองวันชาติพร้อมกับครอบครัว
เดวิดพยายามหาทางที่จะปิดระบบเกราะสนามพลังให้ได้ และพบว่าไวรัสคอมพิวเตอร์สามารถปิดเกราะของจานบินได้ชั่วคราว พวกเขาจึงเตรียมการใช้ยานเอเลี่ยนที่ตกลงมาปี 1947 ขึ้นไปอัปโหลดไวรัสบนยานแม่ของเอเลี่ยนและวางระเบิดนิวเคลียร์ภายในยาน ส่วนนักบินที่เหลือให้รวมตัวเพื่อทำลายจานบินขณะที่เกราะยังปิดอยู่ และได้ใช้รหัสมอสเพื่อส่งข้อความไปยังฐานทัพทั่วโลกเพื่อให้โจมตี
หลังจากที่แผนการใช้ไวรัสประสบผล ประธานาธิบดีวิทมอร์ได้ขับเครื่องบินรบคู่กับนักบินคนอื่น
ร่วมกันโจมตีจานบินและยานเอเลี่ยนเหนือแอเรีย 51 ถึงจานบินจะไร้สนามพลังแล้ว
แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรจานบินได้มากนัก และจานบินเตรียมพร้อมที่จะยิง แอเรีย 51
เนื่องด้วยเครื่องบินส่วนใหญ่มิสไซล์หมด วิทมอร์จึงสั่งถอยทัพ Russell Casse (Quaid)
ซึ่งยังเหลือมิสไซล์อีกลูกหนึ่ง แต่มิสไซล์ขัดลำ เขาจึงใช้วิธีแบบกามิกาเซ่ตรง
เข้าไปยังฐานยิงลำแสงทำลายล้างของจานบิน ทำให้จานบินเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่และถูกทำลายในที่สุด
ส่วนกองทัพที่เหลืออยู่ทั่วโลกก็รู้จุดอ่อนของจานบิน
ขณะเดียวกันผู้กองฮิลเลอร์และเดวิดได้วางระเบิดบนยานแม่ของเอเลี่ยน
และทั้งคู่ก็หนีออกมาอย่างปลอดภัย ถือว่าเป็นชัยชนะของมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง
--------------------------------
หนังเรื่องนี้ถ้าเอามาเทียบเอฟเฟคท์กับตอนนี้ มันคงดูธรรมดาจะล้าสมัยมาก
แต่กับตัวผมเองในตอนนั้นที่ยังเป็นด.ช.ปรพล มันสุดยอดและอลังการมากครับ
ฉากไคลแมกซ์ที่ยานแม่ลอยมากลางเมือง แล้วยิงลำแสงลงมาทักทา่ยมนุษย์โลก
มันทั้งน่าทึ่งและน่าสยดสยองปะปนกันไป นั่งตาลุกวาวและอ้าปากค้่างเพราะไม่เคยเจอหนังแบบนี้มาก่อน
หรือจะฉากที่ขับยานพุ่งเข้าชนเพื่อแลกกับเอเลี่ยนก็สุึดยอดเช่นกัน
ตอนจบซึ้งประืทับใจในชัยชนะของมนุษย์(แม้จะพยายามชูว่าอเมริกาเป็นกระเอกไปหน่อย)
ไอเดียต่้างๆของหนังเรื่องนี้ถูกเอามาล้อเลียนเยอะพอสมควร
เช่นเกม Metal Slug ก็เอามาเล่นแบบตรงๆกับมุขยานแม่ส่องลำแสงลงมาเนี่ย
ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด นักร้องดังอย่างลำพล ลำพูน ออกอัลบั้มเดี่ยวชุดที่สาม
ก็ใช้ชื่ออัลบั้มว่า อำพลเมืองดี
คำนี้สื่อความหมายคำว่า "พลเมือง" หมายถึง "บัตรประชาชขน" (ID Card)
ซึ่งคำว่้า ID เป็นคำที่ถูกเอามาพูดถึงมากในขณะที่กระแสของหนังเรื่องนี้กำลังดัง
(ภาพปกอัลบั้ม ID Card)
ถ้าถามคนรุ่นผม ทุกคนย่อมเคยดู ID4 และชอบ ID4
ทุกวันนี้ช่องทรูก็ยังเอามาฉายวนเวียนอยู่เป็นประจำ(เมื่อวา่นซืนก็เพิ่งเจอ)
น้องๆถ้ายังไม่เคยดู ลองหามาดูนะครับ หนังเก่า แต่ความสนุกไม่เก่าเลย... |
PON
18 พฤศจิกายน 2553 , 08:55:08
ผมก็เห็นด้วยกับอู๋นะ ว่าสตาร์วอรส์ภาคที่สนุกที่สุดคือภาค V โดยเฉพาะช่วงท้ายเรื่องที่พ่อลูกสู้กัน
(สปอย)
ซึ่งดาร์ทเวเดอร์ได้พ่นลมหายใจฟืดฟาดพร้อมประโยคคลาสสิคที่ว่า
"I'm your father" แปลแบบภาษาชาวบ้านว่า "กรูนี่แหละพ่อมรึง"
แล้วลุคก็ร้องปากบิดเบี้ยว "Noooooo!!"
ช็อตนี้ผมชอบมาก คลาสสิคสุดๆ
 |
|