รับ ฮาโลวีนกับผีเมืองเหนือ

First Post Last Post  
paintkat 08 ตุลาคม 2553 , 10:50:26
พักนิผมเห็นบอร์ดเราเริ่มตั้งกระทู้เรื่องผี บ่อยเเกนนำคือคุณ dafjam ซึ่งผมก็ไม่กล้าอ่านหรอก
บังเอิญกลัวผีขึ้นสมอง เเต่ก็ชอบฟังชาวบ้านเล่า (เข้าข่ายโรคจิต) พอดีจะให้เล่าพวกผีอินเตอร์ก็คงไม่ไหว
ไม่สันทัดเรื่องเเบบนั้น เลยขอเล่าเรื่องที่อยู่ในความทรงจำสมัยเด็ก ของผมละกัน สมัยที่ คนเเก่คนเฒ่า
เขาเล่าให้ฟัง รับรองว่าสยองไม่เเพ้ผีอินเตอร์เเน่นอน เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นตำนานเรื่องผีของภาคเหนือ
คือ7จังหวัดในภาคเหนือตอนบนต้องรู้จักเเน่ๆ ใครม่าเล่นมุกเหนือนครศรีธรรมราช เหนืออุบล เหนืออุดร
ไม่เกี่ยวเน้อ
:83: :83: :83:





ผีม้าบ้อง
ผีม้าบ้อง ไม่ใช่ผีบ้องม้า เเละไม่เกี่ยวกับสิ่งเสพติด ที่เป็นบ้องๆ ในตำนานเขาให้รูปลักษณ์ว่า เป็นผีครึ่งคนครึ่งม้า
(คิดถึงเซนทอร์ ในเเฮรรี่1 ตัวที่เอาเเฮรรี่ขี่หลังในป่าต้องห้ามอ่ะ) รูปร่างสูงใหญ่ ไว้ผมยาวรุงรัง เเละเป็นม้าที่สีดำเมี่ยม
มักปรากฏตัวในตอนกลางคืน กินซากวัวซาก ควายที่ตายเเล้ว ที่สำคัยหากใครรู้ความลับว่าร่างที่มันเป็นคนคือใคร
มันจะตายหากคนที่รู้ไปเล่าบอกต่อๆกัน มันจึงต้องกำจัดคนที่รู้อย่างเลือกไม่ได้ ตามบ้านนอกหากตกดึกเเทบไม่มีเสียงรถผ่าน
เหมือนในเมืองกรุง หากเงี่ยหูฟังดีๆ จะได้ยินเสียงม้าวิ่ง กุบกับ กุบกับ ทั้งๆที่ไม่มีใครพิเรนท์เอาม้ามาว่งกลางคืนหรอก
นอกจาก... เสียงฝีเท้าของผีม้าบ้อง
ในตำนานได้เล่าเรื่องผีม้าบ้องไว้ดังนี้ นายคำ กับ นายมา(นามสมมติ) จะไปเที่ยวจีบสาวตอนกลางคืน
ตามประเพณีเมืองเหนือ ย้อนไปในยุคที่ยังไม่มี BB ไม่มี I PHONE ไม่มี จดหมาย ไม่มีโทรเลข จะจีบสาวทีต้องไปกลางคืน
เพราะเวลากลางวันจะเป็นเวลาทำงาน ไม่มีใครทะลึ่งไปกลางวันหรอก เพราะไม่ถูกกาละเทศะ นายคำ กับนายมาจึงต้องเดินทาง
ข้ามหมู่บ้านไปในป่า พอใกล้ถึงหมู่บ้านของสาวเจ้า นายมามักขอตัวไป ชิ้งช่อง จนนายคำสงสัยว่า มันจะปวดอะไรตรงเเถวๆ
หน้าหมู่บ้านผู้หญิงตลอด เเละมักปวดตรงจุด จุดเดิมและบอกให้นายคำรออยู่ตรงนิไม่ต้องตามเขาไป
จนวันนึงนายคำนึกสงสัยจึงเเอบตามไปเงียบ จนตกตะลึงพบว่า นายมาเพื่อนรักก้มลงเลียซากศพควายที่ตายเเล้ว ละชาวบ้าน
เอามาทิ้งในป่า (คาดว่านายมาคงเเอบมากินทุกวันตอนไปเที่ยวบ้านสาว) เนื้อของซากควายน่ะหมดเเล้ว เหลือเเต่กระดูก
ที่ถูกเลียจนมันเเผล็บ ฝ่ายนายคำกลัวมากจึงผละหนี ตะโกนลั่นว่าผีม้าบ้อง ผีม้าบ้อง ทำให้นายมารู้ตัวว่า ความลับนี้ถูกรู้เสียเเล้ว
ต้องกำจัดนายคำ ก่อนที่จะถูกประจาน จนมันต้องหมดเเรงตาย มันจึงดักรออยู่ที่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้านหญิงสาว
ฝ่ายนายคำ เมื่อหนีเข้าเขตหมู่บ้านผู้หญิงจึงรีบไปขอคำปรึกษาจากพ่อของฝ่ายหญิง โชคดีเหลือเกินที่ฝ่ายพ่อเป็นผู้มีคาถาจึงมอบ
ของให้ติดตัว เอาไว้หนีผีม้าบ้องกลับหมู่บ้านของนายคำ เป็นหวายลงอาคมเเละไข่ดิบ10 ฟอง ขากลับหมู่บ้านที่ต้องผ่านป่า
นายคำตั้งสติเเละ ใส่ตีนหมาโกยสุดชีวิต เเต่ฝีเท้าคนหรือจะสู้ฝีเท้าม้า พอเข้าเขตป่าปุ๊บ เสียงม้าวิ่งก็ตามมา นายมาก้มมองไปที่พื้น
เมื่อเห็นเงาม้าใกล้ทาบรัศมีเงาตนจึงหยิบไข่ดิบปาลงที่พื้น ฝ่ายผีม้าบ้องได้กลิ่นของคาวมันจึงหยุดเเละกินไข่ดิบ นายคำไม่รอช้า
ซัดหวายเฆี่ยนเข้าที่เงาม้า 2-3ทีก่อนออกวิ่งต่อ สลับไปเเบบนี้จนถึงเขตหมู่บ้านนายคำ พอถึงบ้านนายคำรีบวิ่งขึ้นบ้าน
เเละพลิกบันไดบ้าน (บ้านเมืองเหนือสมัยก่อน เป็นบ้านทรงกาเเล ยกไต้ถุนสูง เวลาจะขึ้นบ้านจะมีบันไดพาด
สามารถชักบันไดเก็บได้ เวลากางคืนก็จะชักบันไดเก็บ กันขโมยขึ้นบ้าน) นายคำพลิกบันไดกลับหัวกลับหาง (เหมือนกลับ-
เทปหน้า Aเป็นหน้าB) ฝ่ายผีม้าบ้องวิ่งตามมาหยุดที่หน้าบ้านนายคำ มันเอาเเต่เดินวนรอบบ้านนายคำ เเละสบทกับตัวเองว่า
"บ้านไจ้ ขั้นไดบ่ไจ้" (บ้านใช่ เเต่บันไดไม่ใช่)มันคงสับสนที่นายคำพลิกบันไดบ้าน เเละมันก็เดินวนไปอย่างนี้ถึงเช้า รุ่งเช้า
นายคำตื่นนอนมาต้องตกตะลึงในสายตาที่รอบๆบ้านตนเต็มไปด้วยรอยเท้าม้า เดินวนรอบบ้าน เเละที่สำคัญ พบศพของเพื่อนรัก
นายมาในสภาพครึ่งคนครึ่งม้า นอนตายพาดกับบันไดบ้านของตน เเละตามตัวมีเเผลเหมือนถูกเฆี่ยนด้วยหวาย นั่นเอง(ประมาณว่าผีม้าบ้อง มัวเเต่คิดต้องหานายคำมาฆ่า จนลืมแปรงร่างกลับเป็นคนเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น โดนเเดดเผา บวกกับเเผลที่โดนหวายอาคม
เฆี่ยนมันเลยตาย)
ใครเป็นคนภาคเหนือต้องได้ยินตำนานนี้เเน่ๆ โดยเฉพาะพี่เอ๋ สาวลำปาง หากใครได้ยินเรื่องนี้มา
เเละผิดเพี้ยนไปจากที่ผมเล่าก็เเสดงว่า ตำนานนั้นถูกคนเล่าดัดเเปลง เพิ่มนู่น เสริมนี่ จนกลายเป็นอีกเเบบ เเต่ที่ผมฟังมาก็เป็น
ประมาณนี้เเหละ จึงเล่าต่อๆมาให้คนในบอร์ดนิได้อ่านกัน ถ้ายาวไปขอโทษด้วยนะครับ